วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ขาไก่

๑๕๒

จะทิ้งเสียก็เสียดายด้วยยังมีรสอยู่

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 58

          เมื่อโจเจียงได้ข่าวว่าโจโฉผู้บิดาหนีทัพเล่าปี่มาตั้งทัพอยู่ ณ ด่านเองเปงก๋วน ก็ยกทัพมาช่วย จึงพากันยกทัพมาตั้งค่ายอยู่ ณ หุบเขาเสียดก๊ก เล่าปี่ให้เล่าฮองกับเบ้งตัดออกรบกับโจเจียง เล่าฮองแพ้กลับถอยหลัง เบ้งตัดขับทหารหนุนเข้า ม้าเฉียวงอหลันเข้าช่วยตีกระหนาบ มิทันได้แพ้ชนะกัน โจโฉจึงให้ทหารถอยกลับมาตั้งอยู่ ณ หุบเขาเสียดก๊ก โจโฉคิดในใจว่า แต่มาอยู่ที่นี่ช้านานแล้ว ครั้นจะยกไปบัดนี้ข้าศึกก็ยังต้านอยู่ พอดีกับพ่อครัวยกเอาไก่ต้มตัวหนึ่งเข้ามาถวาย โจโฉกินเนื้อไก่สิ้นแล้ว ยังเหลือกระดูก จึงเอาตะเกียบหยิบขาไก่ชูขึ้นไว้ รำพึงแต่ในใจว่า จะทิ้งเสียก็เสียดายด้วยยังมีรสอยู่ ขาไก่นี้เปรียบดังการสงครามครั้งนี้ ครั้นจะละเลิกเสียก็อัปยศ จะทำเอาชัยชนะก็ไม่สะดวก

ขาไก่ แทะไม่ได้ กินไม่ได้ แต่ดูดความหวานได้
ขาไก่ แม้ดูดความหวานได้ แต่ก็แทะไม่ได้ กินไม่ได้
จึงไม่มีประโยน์อันใด ที่สุดก็ต้องโยนทิ้งไป

ของบางชิ้น
ใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่เจ้าของก็ยังหลงชื่นชม
เกะกะ รกบ้าน ที่สุดก็ต้องโยนทิ้งไป


งานบางงาน โครงการบางโครงการ
ดูเหมือนจะได้ผลลัพธ์เลอเลิศ
แต่ยิ่งทำ เหมือนยิ่งห่างไกลความสำเร็จ

เสียแรง เสียเวลา ที่สุดก็ต้องโยนทิ้งไป

คนบางคน
มีแค่คอยป้อยอ ให้คำหวาน หาประโยชน์ใดมิได้
หลงคำหวาน ไม่เพียงไร้ประโยชน์
อาจทำให้ทุกข์ เดือดเนื้อร้อนใจ
เป็นปัญหาต่อองค์กรมิรู้จบสิ้น


อย่าเสียดายรสหวาน
พึงรีบโยนทิ้งไป



สามก๊ก อ่านสามจบ ยังคบได้

มีคำกล่าวล่ำลือถึงความเป็น สุดยอดตำราทางยุทธศาสตร์ ของ สามก๊ก ว่า อ่านสามจบคบไม่ได้  ฟังดูก็ไม่เชิงว่าจะเป็นการนิยมยกย่องสักเท่าไร เพราะเหตุที่คบไม่ได้ มิใช่ว่าจะเป็นคนเก่งกล้าสามารถ แต่หากจะเป็นคน เจ้าเล่ห์แสนกล ด้วยสามก๊กนั้นเต็มไปด้วยกลอุบาย หรือที่คบไม่ได้อาจเป็นเพราะ ท่าทางจะเป็นคนโง่เหลือกำลัง ที่ทนอ่านอยู่ได้ตั้งสามจบ
ผู้เขียนเองก็นับว่าอ่านสามก๊กมามากกว่าสามจบ ทั้งฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ฉบับ วรรณไว พัธโนทัย ฉบับ ยาขอบ และฉบับ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อ่านแล้วก็ลืม ลืมแล้วก็อ่าน อ่านทุกครั้งก็สนุกทุกครั้ง ไม่วิเคราะห์ไม่คิดมากให้เสียเวลา อ่านเอาสนุก อ่านเป็นนิยาย
ก็คนเขียนเขาเขียนเป็นนิยาย จะไปอ่านเอาสาระทำไมกัน หาก หลอกว้านจง ผู้ประพันธ์ รู้เข้าก็คงจะงุนงงเป็นยิ่งนักที่สามก๊กกลายเป็นตำราพิชัยสงคราม ตำราการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ไปได้
ผู้เขียนฟัง อาปา เล่าเรื่องสามก๊กให้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไหวพริบของตัวละครต่างๆในสามก๊ก ซึ่งก็เป็นเหตุทำให้ผู้เขียนสนใจอ่านสามก๊กเพื่อไปค้นหาข้อความที่อาปาเล่า ฉบับแรกที่อ่านก็เป็นฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เล่มใหญ่หนาที่บ้านอาโกว 
มานึกได้วันหนึ่งว่า น่าจะลองอ่านสามก๊กใหม่อีกสักหน คราวนี้จะลองอ่านแบบ อ่านเอาเรื่อง อ่านตรงที่คนอื่นเขาไม่อ่านกัน เพื่อยืนยันว่าอ่านอีกกี่จบก็น่าจะ ยังคบได้

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ตามผิด

๑๕๑



ถ้าผิดก็จะเอาโทษตามผิด

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 58

          เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้มาอยู่เมืองฮูโต๋ได้ยี่สิบสามปี ออหวนอยู่เมืองไตกุ๋นคิดการขบถ โจโฉให้โจเจียงผู้บุตรยกทหารห้าหมื่นไปรบเมืองไตกุ๋น จึงสั่งสอนโจเจียงว่า เมื่อเราอยู่บ้านอยู่เรือนนั้นเป็นพ่อลูกกัน บัดนี้เจ้าจะไปทำการศึกก็เหมือนข้ากับเจ้า อย่าได้คิดประมาท ถ้าผิดก็จะเอาโทษตามผิด เราสั่งสอนเจ้าจงควรจำเถิด

เมื่ออยู่ในราชการสงคราม
กฎเกณฑ์ของกองทัพถือว่าสำคัญที่สุด
ในราชการสงคราม ไม่มีพ่อไม่มีลูก ไม่มีพี่ไม่มีน้อง
ในราชการสงคราม มีแต่แม่ทัพ ทหารเอก ทหารเลว
ทุกคนมีบทบาทหน้าที่ตามตำแหน่ง
ผู้ทำผิดกฎเกณฑ์ ก็จะได้รับโทษตามผิด

หากกฎเกณฑ์เป็นกฎเกณฑ์
ก็จะไม่มีผู้ตั้งใจฝ่าฝืนกฎเกณฑ์

บางองค์กร กฎเกณฑ์ไม่เป็นกฎเกณฑ์
เพราะเป็นผู้บังคับบัญชา จึงทำผิดกฎเกณฑ์ได้
เพราะใกล้ชิดผู้บังคับบัญชา จึงทำผิดกฎเกณฑ์ได้
เพราะผู้บังคับบัญชาเกรงใจ จึงทำผิดกฎเกณฑ์ได้
เพราะผู้บังคับบัญชาเกรงกลัว จึงทำผิดกฎเกณฑ์ได้

กฎเกณฑ์จึงไม่เป็นกฎเกณฑ์
องค์กร ถึงอยู่ได้ก็ง่อนแง่น ไม่เจริญ


วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ผู้อื่นก็มีฝีมือ

๑๕๐



อย่าให้เชื่อกำลังฝีมือของตัว


สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 57

          เมื่อโจโฉยกทัพถึงเมืองลำเต๋งซึ่งโจหองอยู่รักษานั้น โจหองทูลว่า บัดนี้เล่าปี่ให้ฮองตงยกมารบเขาเตงกุนสัน แฮหัวเอี๋ยนรู้ว่าโจโฉยกกองทัพมา ก็รั้งรออยู่ยังไปยอมออกรบกับฮองตง โจโฉจึงแต่งหนังสือจะให้ทหารถือไปให้แฮหัวเอี๋ยนเร่งออกรบกับฮองตง เล่าหัวจึงทูลว่าแฮหัวเอี๋ยนเป็นคนโมโหมาก จะเสียทีเปล่า โจโฉได้ฟังก็เห็นด้วย จึงแต่งหนังสืออีกฉบับเป็นใจความว่า ธรรมดาผู้เป็นนายทัพนายกองจะทำการสงครามก็ให้รู้จักทีเสียทีได้ อย่าให้เชื่อกำลังฝีมือของตัวอันกำลังฝีมือของตัวนั้นจะหักหาญเอาคนร้อยคนพันนั้นไม่ได้จะสู้ได้ก็ตัวต่อตัว ถ้าเว้นไว้แต่ผู้มีความคิดรู้กลในการสงคราม จึงจะสามารถเอาชัยชนะแก่ข้าศึกอันมากกว่าได้

สิ่งใดที่เราคิดได้ ย่อมมีผู้อื่นคิดได้
สิ่งใดที่เราทำได้ ย่อมมีผู้อื่นทำได้

ทั้งผู้อื่นอาจ คิดได้ดีกว่า ทำได้ดีกว่า

อย่ายึดมั่นว่าตัวเรามีความสามารถเพียงผู้เดียว
อย่ายึดมั่นว่าตัวเรามีฝีมือเพียงคนเดียว
ผู้อื่นก็มีความสามารถ ผู้อื่นก็มีฝีมือ

การเชื่อมั่นในตนเองเป็นสิ่งดี
แต่ต้องไม่ดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น

แม้ผู้อื่นผู้เดียวอาจทำเช่นเรามิได้
แต่ผู้อื่นหลายคน ย่อมมีคนที่ทำเช่นเราได้
ทั้งผู้อื่นหลายคน ย่อมมีคนที่ทำดีกว่าเราได้

ขาดเรา องค์กรจึงหาผู้อื่นมาทดแทนได้
ขาดเรา องค์กรจึงไม่เดือดร้อน
ขาดเรา องค์กรอาจพัฒนาก้าวหน้ากว่าเดิม


วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทีเสียทีได้

๑๔๙



จะทำการสงครามก็ให้รู้จักทีเสียทีได้

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 57



          เมื่อโจโฉยกทัพถึงเมืองลำเต๋งซึ่งโจหองอยู่รักษานั้น โจหองทูลว่า บัดนี้เล่าปี่ให้ฮองตงยกมารบเขาเตงกุนสัน แฮหัวเอี๋ยนรู้ว่าโจโฉยกกองทัพมา ก็รั้งรออยู่ยังไปยอมออกรบกับฮองตง โจโฉจึงแต่งหนังสือจะให้ทหารถือไปให้แฮหัวเอี๋ยนเร่งออกรบกับฮองตง เล่าหัวจึงทูลว่าแฮหัวเอี๋ยนเป็นคนโมโหมาก จะเสียทีเปล่า โจโฉได้ฟังก็เห็นด้วย จึงแต่งหนังสืออีกฉบับเป็นใจความว่า ธรรมดาผู้เป็นนายทัพนายกอง จะทำการสงครามก็ให้รู้จักทีเสียทีได้


เมื่อเล่นการพนัน บางครั้งก็เสีย บางครั้งก็ได้
เมื่อเล่นเสีย หากมัวคร่ำครวญถึงเงินที่เสียไป
ทุ่มเงินที่มีอยู่ โดยหวังว่าจะได้คืน
อาจถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว
ต้องรู้จักทีเสียทีได้

เมื่อเล่นได้ หากละโมบหวังได้เพิ่ม
ทุ่มเงินที่มีอยู่ โดยหวังว่าจะได้อีก
อาจถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว
ต้องรู้จักทีเสียทีได้

การทำงานก็เช่นกัน
กลยุทธและวิธีการ
บางครั้งอาจนำไปสู่ความสำเร็จ
บางครั้งอาจนำไปสู่ความล้มเหลว

กลยุทธที่เคยนำไปสู่ความสำเร็จ
อาจมิได้ผลสำเร็จทุกครั้งไป

สั่งใช้กลยุทธที่เคยสำเร็จ
อาจประสบกับความล้มเหลว

กลยุทธที่เคยนำไปสู่ความล้มเหลว

อาจมิได้ผลล้มเหลวทุกครั้งไป

สั่งงดใช้กลยุทธที่เคยล้มเหลว
อาจมิได้จะประสบความสำเร็จ


ทุกกลยุทธย่อมมี ทีเสียทีได้
จึงต้องประเมินกลยุทธใหม่ทุกครั้ง


อย่าเชื่อมั่นใน วิธีการเดิม

อย่ามั่นใจใน คนเดิม

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แพ้บ้างชนะบ้าง ๒

๑๔๘



อันการสงคราม
จะหมายชนะฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้

จำต้องแพ้บ้างชนะบ้าง


สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 57



          โจโฉได้รับแจ้งว่า บัดนี้ได้ข่าวว่าเล่าปี่จะยกทหารมาตีเมืองฮันต๋ง หากเล่าปี่ได้เมืองฮันต๋งเห็นจะลงมาตีเอาเมืองฮูโต๋เป็นมั่นคง จึงให้เกณฑ์ทหารสี่สิบหมื่นแยกออกเป็นสองกองเป็นกองหน้าแลทัพหลัง ให้แฮหัวตุ้นยกล่วงไปก่อน โจโฉในที่พระเจ้าวุยอ๋อง แต่งตัวอย่างกษัตริย์ ยกขบวนแห่ไปถึงเมืองลำเต๋งซึ่งโจหองอยู่รักษา โจหองออกมาคำนับเชิญโจโฉเข้าไปในเมือง แล้วทูลเนื้อความตามซึ่งเตียวคับทำการเสียทีแก่ข้าศึกให้ฟังทุกประการ โจโฉจึงว่า อันการสงครามจะหมายชนะฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ จำต้องแพ้บ้างชนะบ้าง

ทหาร เมื่อจะออกรบ ย่อมคาดหวังชัยชนะ
ชนะ จึงจะได้รับชื่อเสียงเกียรติยศ
แพ้ มีแต่ความอัปยศอดสู
ชนะย่อมดีกว่าแพ้


จะชนะ จึงต้องมีพร้อม
ทั้ง สรรพอาวุธ สรรพกำลัง สรรพเสบียง
ขาดอาวุธ ขาดกำลัง ขาดเสบียง
แม่ทัพเก่งกล้าสามารถแค่ไหน
ทหารหาญเก่งกล้าสามารถแค่ไหน
โอกาสแพ้ย่อมมากกว่าชนะ

แม้ออกรบ ย่อมมีแพ้บ้างชนะบ้าง
ออกไปรบเพื่อแพ้ จะรบเพื่ออะไร

คนทำงานก็เช่นกัน
ย่อมหวังในผลสำเร็จของงาน
สำเร็จย่อมดีกว่าไม่สำเร็จ

งานจะสำเร็จ ต้องมี

ทั้ง กำลังคน กำลังเงิน กำลังทรัพยากร
ขาดคน ขาดเงิน ขาดทรัพยากร
คนทำงานเก่งกาจแค่ไหน
โอกาสไม่สำเร็จมากกว่าสำเร็จ

แม้ทำงานมีสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง
ทำงานเพื่อความไม่สำเร็จ จะให้ทำเพื่ออะไร

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ลูกเสือลูกจระเข้


๑๔๗

เมื่อเราตามมาพบซุ้มเสือแล้ว
จะไม่รีบเข้าจับลูกเสือให้ได้นั้น
จะละไว้ให้มีกำลังไปหรือ


สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 56


ฮองตงทำกลอุบายแตกทัพถอยแฮหัวชงกับฮันโฮเป็นหลายครั้ง 
ฝ่ายฮันโฮกับแฮหัวชงก็มีใจประมาท ถอดเกราะแก้อานม้าเสีย 
มิได้ตรวจตรารักษาค่าย ฮองตงก็พาเล่าฮองคุมทหารออกไปโจม 
ตีค่ายแฮหัวชงกับฮันโฮ ฆ่าฟันทหารล้มตายเป็นอันมาก ฮองตง


ไล่
ตามตีค่ายรายทางได้ทั้งสามค่าย แลจะไล่ตามแฮหัวชงกับฮันโฮไป 
เล่าฮองจึงห้ามว่าทแกล้วทหารอิดโรยนัก จงหยุดพักให้ทหารมี


กำลัง
จึงค่อยตามไป ฮองตงจึงตอบว่า เมื่อเราตามมาพบซุ้มเสือแล้ว 
จะไม่รีบเข้าจับลูกเสือให้ได้นั้น จะละไว้ให้มีกำลังไปหรือ

ลูกเสือ เมื่อโตขึ้นย่อมเป็นเสือ
ลูกจระเข้ เมื่อโตขึ้นย่อมเป็นจระเข้
เสือกับจระเข้เป็นสัตว์ป่า อาจแว้งกัดได้เสมอ
โบราณจึงว่า ลูกเสือลูกจระเข้เลี้ยงไม่ได้
มิเพียงเลี้ยงไม่ได้ เพื่อความมั่นใจให้จับฆ่าทิ้งเสีย

คนทำงานในองค์กร
หากเป็นคนไม่ดี ทุจริต โกงเล็กโกงน้อย
วันนี้โกงเล็กโกงน้อย วันหน้าย่อมโกงใหญ่โกงโต
วันนี้โกงเล็กโกงน้อย วันหน้าโกงชาติโกงเมือง

เลวเมื่อยังเล็ก โตไปย่อมยิ่งเลว
ต้องควบคุม มิให้เติบใหญ่มีอนาคต
จะแต่งตั้งผู้ใดให้มีตำแหน่งใหญ่โต
ต้องสืบดูว่ามิใช่ ลูกเสือลูกจระเข้
เว้นแต่คนแต่งตั้ง เป็นพ่อเสือแม่จระเข้เสียเอง

อย่าใจอ่อนให้กับคนไม่ดี
หากแต่ต้องมั่นใจว่า การตัดสินคนนั้นไม่ผิดพลาด
ต้องมั่นใจว่า ได้พิจารณาโดยไม่มีอคติ

หมายเหตุ

อคติ 4 คือ ความลำเอียง(prejudice) 4 อย่างคือ

1. ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะชอบ(prejudice caused by love)
2. โทสาคติ ลำเอียงเพราะชัง(prejudice caused by hatred)
3. โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง(prejudice caused by delusion)
4. ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว(prejudice caused by fear)

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

หาง่าย หายาก

๑๔๖

ทหารเลวนั้นหาง่าย อันทหารเอกนั้นหายาก

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 56



เตียวหุยวางแผนให้อุยเอี๋ยนไปร้องท้าทายเตียวคับถึงหน้าค่าย
เตียวคับโกรธจึงแต่งตัวใส่เกราะถือทวนออกมาถึงประตูค่าย พอ
ทหารข้างหลังด่านวิ่งมาบอกว่า มีทหารมาลอบจุดเพลิงขึ้นข้าง
หลังด่านถึงห้าตำบล เตียวคับตกใจ กลับมาไม่ทันถึงท้ายด่าน
เห็นเตียวหุยคุมทหารเข้ามาไล่ฆ่าฟันทหารในด่านล้มตายเป็น
อันมาก ม้าของเตียวคับถูกอาวุธเดินไม่ได้ เตียวคับก็ทิ้งม้าหนี
ข้ามเขาไปถึงเมืองฮันต๋ง เข้าไปแจ้งแก่โจหองบอกเนื้อความตาม
จริงทุกประการ โจหองก็โกรธสั่งให้เอาตัวเตียวคับไปฆ่าเสีย โกฉุย
จึงห้ามว่า ทหารเลวนั้นหาง่าย อันทหารเอกนั้นหายาก

ทหารเลว หมายถึง พลทหาร
พลทหาร ก็คือ ผู้ปฏิบัติ

ทหารเอก หมายถึง นายทหาร
นายทหาร ก็คือ ผู้บริหาร

ทหารเลวย่อมมีความรู้ความสามารถในบทบาททหารเลว
อย่าคาดหวังบทบาทนายทหารจากทหารเลว
ทหารเอกย่อมมีความรู้ความสามารถในบทบาททหารเอก
อย่าคาดหวังบทบาททหารเลวจากนายทหาร

ทหารเลวจึงมีความรู้ความสามารถ

มากกว่าทหารเอกในบทบาททหารเลว
ทหารเอกจึงมีความรู้ความสามารถ
มากกว่าทหารเลวในบทบาททหารเอก

บทบาทหน้าที่ของผู้ใด ย่อมมีความสำคัญ
อย่าดูหมิ่นดูแคลนบทบาทหน้าที่ของผู้อื่น
ทุกบทบาทมีความสำคัญ ต่อความสำเร็จของงาน

ทหารเอก ไม่สามารถทำทุกบทบาทหน้าที่
ทหารเลว ไม่มีโอกาสทำหน้าที่ ทหารเอก

จริงหรือที่ว่า ทหารเลวนั้นหาง่าย

ทหารเลวที่เก่ง ก็อาจหายาก

จริงหรือที่ว่า ทหารเอกนั้นหายาก

ทหารเอกที่ไม่เก่ง ก็อาจหาง่าย

ทหารอย่างคุณ หาง่ายหรือหายาก


วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ไม่ย่อท้อ


๑๔๕


ธรรมดาเป็นชาติทหารกินเบี้ยหวัดท่าน
ถ้ามีสงครามมาก็ให้ตั้งใจรบพุ่งเป็นสามารถ
แลตัวท่านทั้งปวงนี้เห็นแต่ข้าศึกมา
ก็ให้ตั้งย่อท้อดังนี้ ไม่สมควรเป็นชาติทหาร


สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 55

ในการศึกที่เมืองหับป๋า หลังจากยกทัพไปตีค่ายซุนกวนไม่สำเร็จ
โจโฉคิดจะแต่งทหารยกไปโจมตีค่ายซุนกวนเป็นห้าทางจึงจะมี 
ชัยชนะ ฝ่ายตังสิดกับซีเซ่งซึ่งคุมทหารเรืออยู่เห็นกองทัพโจโฉ
ยกดากันมา แล้วทหารเลวในเรือรบหน้าซีดสลดลง ซีเซ่งจึงว่า 
ธรรมดาเป็นชาติทหารกินเบี้ยหวัดท่าน ถ้ามีสงครามมาก็ให้ตังใจ
รบพุ่งเป็นสามารถ แลตัวท่านทั้งปวงนี้เห็นแต่ข้าศึกมา
ก็ให้ตั้งย่อท้อดังนี้ ไม่สมควรเป็นชาติทหาร

ชาติทหาร มีบทบาทหน้าที่รบ

ต้องไม่ย่อท้อในการรบ

เมื่อสมัครใจ ยึดถือในวิชาชีพใด

ต้องยึดมั่นในบทบาทวิชาชีพนั้น
เมื่อสมัครใจ เข้ารับตำแหน่งใด
ต้องยึดมั่นในบทบาทตำแหน่งนั้น
เมื่อได้รับมอบหมาย ให้รับหน้าที่ใด
ต้องยึดมั่นในบทบาทหน้าที่นั้น

เมื่อต้องทำงานในบทบาทหน้าที่ใด
ต้องไม่ย่อท้อในบทบาทหน้าที่นั้น
หากย่อท้อ ก็ไม่สมควรรับตำแหน่งนั้น
หากย่อท้อ ก็ไม่สมควรรับบทบาทหน้าที่นั้น

ทำงานในบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด


วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

กลัวตาย

๑๔๔


ตัวกูเป็นนายทหารเอกมิได้รักชีวิต

มึงเหล่านี้เป็นแต่ทหารเลว
เหตุใดจึงกลัวความตาย

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ISBN 974-601-985-6 ตอนที่ 55 หน้า 902

โจโฉตีเมืองฮันต๋งได้ เล่าปี่วิตกว่าโจโฉจะยกทัพมาตีเมืองเสฉวน ขงเบ้งจึง

ออกอุบายให้เล่าปี่ยุยงให้ซุนกวนยกมาตีเมืองหับป๋า จะทำให้โจโฉเป็นกังวล
ไม่กล้ายกทัพมาเสฉวน ซุนกวนแม้รู้ว่าเป็นอุบายแต่ก็ยกทัพเข้าตีเมืองหับป๋า
แต่ถูกเตียวเลี้ยวโต้กลับจนแตกทัพกลับไป ครั้งนั้นหทารแลชาวเมืองกังตั๋ง
กลัวฝีมือเตียวเลี้ยวมาก ถ้าเด็กร้องไห้มีผู้ขู่ออกชื่อเตียวเลี้ยวเด็กนั้นก็กลัว
นิ่งอยู่ ซุนกวนมีความน้อยใจหวังยกทัพไปแก้แค้นเตียวเลี้ยว โจโฉจึงคุม
ทหารสี่สิบหมื่นยกไปช่วยเมืองหับป๋า ซุนกวนจึงหาทหารอาสาไปตีทัพโจโฉ
ที่พึ่งยกมาถึงยังอิดโรยอยู่ กำเหลงอาสาขอทหารเพียงร้อยหนึ่งจะไปทำการ
ปล้นค่ายโจโฉเอาชัยชนะให้ได้ ทหารร้อยหนึ่งนั้นต่างคนต่างคิดว่า คนเท่านี้
หรือจะปล้นค่ายโจโฉได้ แล้วก็ก้มหน้าเป็นทุกข์อยู่ กำเหลงเห็นดังนั้นก็โกรธ
จึงชักกระบี่ออกแล้วว่า ตัวกูเป็นนายทหารเอกมิได้รักชีวิต มึงเหล่านี้เป็นแต่
ทหารเลว เหตุใดจึงกลัวความตาย แม้ผู้ใดย่อท้อไม่เป็นใจทำการ
กูจะเอากระบี่นี้ตัดศรีษะเสีย

จริงหรือ ทหารเลวกลัวตาย
จริงหรือ ทหารเอกไม่กลัวตาย
หากทหารเอกไม่กลัวตาย ใยเร่งรัดทหารเลวให้ออกหน้า

ไม่ว่าทหารเลวหรือทหารเอกย่อมกลัวตาย
ทุกคนย่อมรักชีวิต
ทุกคนย่อมกลัวตาย
คนที่ประกาศว่าไม่กลัวตาย อาจกลัวตายยิ่งกว่าใครๆ

การกลัวตาย เป็นธรรมชาติ
การคิดถึงตนเองก่อน จึงเป็นธรรมชาติ
การคิดถึงผู้อื่นก่อน จึงเป็นเพียง วาทกรรม

ถูกต้องแล้ว ที่คิดถึงตนเองก่อน
ถูกต้องแล้ว ที่เป็นห่วงตนเองก่อน
หากมิใช่ ห่วงตนเองแต่ผลักให้ผู้อื่นไปตายก่อน

เมื่อตนเองถึงพร้อม ย่อมคิดถึงผู้อื่นได้
เพียงแต่ ความถึงพร้อม ต้องอยู่บนความพอดี
เพียงแต่ ความถึงพร้อม ต้องอยู่บนความไม่โลภ

ความโลภ คือ ความอยากได้ไม่รู้จักพอ
ความโลภ คือ ความอยากได้ที่ไม่คำนึงถึงความเป็นจริ


วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ไข่ตู้เย็น

เอ๋ยสักวา ๔๖




สักวา เมื่อวานนาย ให้ลูกเจี๊ยบ 
สั่งเรียบเฉียบ ให้ไปเลี้ยง จะเอาไข่ 
เช้านี้มา นายทวงหา ไข่หนึ่งใบ 
เอาที่ไหน ก็ไก่ ยังไม่โต 
ด้วยไหวพริบ ปฏิภาณ เซียนเหยียบโลก 
ไม่ใช้โชค แต่ใช้กึ๋น..แก้ ปัญหาโจ๋ 
ไข่ตู้เย็น ส่งนาย รายงานโชว์ 
เอากี่โหล เรื่องถนัด จัดให้เอย



หมายเหตุ

เรื่อง ไข่ตู้เย็น ได้มาเมื่อคราวทำงานอยู่หนองบัวลำภู โดยคุณ สะไกร แก้วโสม สาธารณสุขอำเภอเมืองในขณะนั้นเป็นผู้เล่าให้ฟัง ต่อมาผู้เขียนได้นำไปบันทึกไว้ใน Blog บัวบังใบ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น จับฉ่าย ในเรื่อง ใจเย็นไว้โยม

http://buabangbai.blogspot.com/2009/06/blog-post_15.html

เพื่อเตือนใจ ผู้บังคับบัญชาทั้งหลาย ที่ชอบเร่งรัดงานที่มอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ว่า ก็อาจได้เพียงงานเก่างานเดิมที่รวบรวมเอามาเสนอให้แบบขายผ้าเอาหน้ารอด

...รับไข่แล้วอย่าเพิ่งดีใจ ว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาที่เก่งกาจ คลำๆดูหน่อยว่า อุ่นหรือเย็น...



วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

โลภ

๑๔๓


อันธรรมดาคนนี้เดิมคิดว่าจะหาแต่หนึ่ง

ครั้นได้หนึ่งแล้วก็คิดกำเริบ
จะหาสองต่อขึ้นไปเพราะโลภ

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 55

เมื่อโจโฉตีเมืองฮันต๋งได้ แลปราบปรามหัวเมืองซึ่งขึ้นแก่เมืองฮันต๋ง
ราบคาบสิ้นแล้ว ก็เตรียมจะเลิกทัพกลับ สุมาอี้ซึ่งเข้ามาอยู่ด้วยโจโฉ
แต่เมื่อยังอยู่เมืองฮูโต๋ ทำหน้าที่สมุห์บัญชีทหารเลว เข้าไปคำนับโจโฉ
แล้วว่า โจโฉยกทัพมาด้วยความยากลำบาก เมื่อตีฮันต๋งได้ควรยกไปตี

เมืองเสฉวนที่เล่าปี่ยึดจากเล่าเจี้ยงให้ได้ในครั้งนี้ทีเดียวจึงค่อยยกทัพ
กลับไป โจโฉได้ฟังสุมาอี้ก็ทำทอดใจใหญ่แล้วแกล้งว่า อันธรรมดาคนนี้ 

เดิมคิดว่าจะหาแต่หนึ่ง ครั้นได้หนึ่งแล้วก็คิดกำเริบจะหาสองต่อขึ้นไปเพราะโลภ 

ความโลภ แปลว่า ความอยากได้ไม่รู้จักพอ
ความโลภ จึงคือ ความอยากได้ที่ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง

หากรู้ตนเอง ว่า ความเป็นจริงคืออย่างไร
หากรู้ตนเอง ว่า ความเป็นจริงคือควรได้แค่ไหน
ความอยากได้นั้น เกินกว่าความเป็นจริงหรือไม่
หากความอยากได้ เกินกว่าความเป็นจริง เรียกว่า โลภ

คนในองค์กร
หากอยากได้เงินเดือนเพิ่ม
หากอยากได้ตำแหน่งเพิ่ม
หากอยากได้ให้เหมือนผู้อื่น
หากอยากได้ให้มากกว่าผู้อื่น
โดยไม่ทบทวนตนเองถึงความเป็นจริง

เป็นความอยากได้ที่เกินกว่าความเป็นจริง
ความอยากได้ เกินกว่าความเป็นจริง เรียกว่า โลภ

การทำงาน
ผู้บังคับบัญชา อยากได้ผลของงานมากยิ่งขึ้น
หากความอยากได้ ไม่คำนึงถึงคนทำงานหากความอยากได้มากกว่าปัจจัยนำเข้า

เป็นความอยากได้ ที่เกินกว่าความเป็นจริง
ความอยากได้ เกินกว่าความเป็นจริง เรียกว่า โลภ



หมายเหตุ

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔

โลภ : น. ความอยากได้ไม่รู้จักพอ (ป.,ส.)



วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

เก่าไป-ใหม่มา

เอ๋ยสักวา ๔๕


สักวา ถึงครา ปีงบใหม่
นายเก่าไป นายใหม่มา พาสยอง
เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนวิถี เปลี่ยนครรลอง
เป็นลูกน้อง ต้องคอยตาม ห้ามมากความ
ไม่ต้องคิด อะไรใหม่ ได้ไหมท่าน
เอาที่มัน ต่อเนื่องกัน หนึ่งสองสาม
สี่ห้าหก เจ็ดแปดเก้า สิบ..จบงดงาม
ก้าวให้ข้าม พ้นหนึ่ง-ถึง ไหนไหนเอย


หมายเหตุ

สักวาบทนี้ มีที่มาจาก เมื่อ 
21 สิงหาคม 2559 Facebook on this day เตือนความทรงจำที่ คุณ สายทอง (Saithong thongweang) post และ คำตอบของผู้เขียน เมื่อ 21 สิงหาคม 2555 หลังย้ายออกมาจากเพชรบูรณ์ได้ 6 เดือนเศษ คุณสายทอง post เป็น กลอนมาว่า 

เสียดายงานที่สานไว้ดูไร้ค่า
หาใครมาต่อเติมเพิ่มสีสัน
อุปสรรคยากนักจักฝ่าฟัน
(อุปสรรคอยากนักจักฝ่าฟัน)
ผู้น้อยพลันก็หลบจบครับงาน


ไม่รู้คุณสายทองจะหมายความว่าอย่างไร
แต่คิดเข้าข้างตัวเองเอาว่า

คงหมายถึงเสียดายที่ผู้เขียนไปเริ่มงานบางอย่างไว้
แล้วไม่ได้ดำเนินการต่อเนื่อง จึงตอบไปว่า

ธรรมดาคนเก่ามาแล้วก็ไป
คนมาใหม่ย่อมต้องคิดต้องฝันหวาน
คนคอยตามก็ตามไปตามชำนาญ
ใครคิดค้านหาญกล้าก็ลองดู
อยากให้งานสานถักเติมต่อติด
ต้องร่วมทำร่วมคิดหัวชนหู
จึงจะเป็นงานเราร่วมเชิดชู
ใครจะอยู่จะไปก็ช่างมัน


จึงสรุปทั้งหมดมาเป็นบทสักวาเตือนใจเมื่อใกล้วันสิ้นปีงบประมาณ



หลังจากนั้น คุณสายทองยัง Post แถมมาอีก 1 กลอน







วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

ทำไมต้องไปโรงพยาบาล...เมื่อมี คลินิกหมอครอบครัว


ทำไมต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ต...เมื่อมีมินิมาร์ทหน้าปากซอย

ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เมฆธน เปิดประเด็นน่าสนใจว่า เมื่อสมัยก่อนเรามีแต่ร้านค้าระดับซุปเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ครบถ้วน เวลาเราต้องการซื้อสินค้าจึงต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ต่อมาเริ่มมีความพยายามเอาใจลูกค้ามากขึ้น นัยว่าลูกค้าคือพระเจ้า ผู้ค้าจึงขยับผลักดันทำร้านค้าให้เล็กลง จับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น มีสินค้าสิ่งจำเป็นพื้นฐานครบถ้วน จัดหมวดหมู่ให้หาง่ายเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ เรียกว่า มินิมาร์ท เป็นคอนวีเนียนสโตร์ (Convenience Store) หรือร้านสะดวกซื้อ แล้วเข็นร้านสะดวกซื้อมาไว้ที่ปากซอยหน้าบ้าน ผู้คนก็ไม่ต้องเดินทางไปซุปเปอร์มาร์เก็ตบ่อยๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ไปมินิมาร์ท

หลายคนฝากชีวิตไว้กับมินิมาร์ทนี่แหละ เพราะบางร้านเขาบอกว่า หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา แต่มินิมาร์ทก็มีของไม่ครบนะ ของชิ้นใหญ่ๆ ของที่ไม่จำเป็นต้องใช้บ่อย ยังวางขายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ดังนั้นนานๆครั้งเราก็ต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ตสักครั้ง เพื่อซื้อของที่ร้านเล็กไม่มี

คลินิกหมอครอบครัว ก็เหมือนมินิมาร์ทนั่นแหละ ท่านปลัดโสภณว่า ป่วยเล็กป่วยน้อยทำไมต้องไปโรงพยาบาล แวะที่คลินิกหมอครอบครัว คอนวีเนียนคลินิก คลินิกสะดวกพบ ที่มีครบทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์ครอบครัว และทีม สหสาขาวิชาชีพ ที่ดูแลเราทั้งตัว(และหัวใจ)

ไม่ใช่หมอหูที่ดูแต่หู หมอตาที่ดูแต่ตา แต่เป็นทีมหมอครอบครัวที่ดูแลเราไม่ให้เจ็บป่วย ป่วยน้อยก็รักษาที่คลินิกนี้ ป่วยมากก็ส่งต่อไปโรงพยาบาลใหญ่ ดีกว่าอะไรๆก็ต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ ไปตั้งแต่เช้ามืด ต้องเอารองเท้าไปจองคิว กว่าจะได้ตรวจ เจอหมอแค่แว้บเดียว จะถามจะปรึกษาอะไรก็ไม่ได้ เพราะหมอยังมีคนไข้รออีกเยอะ แถมเมื่อหมอโรงพยาบาลใหญ่รักษาอย่างไร ทีมหมอครอบครัวก็รับกลับมาดูแลต่อเนื่องได้อีก 

หมอก็เป็นหมอคนเดิมที่คุ้นเคย ไม่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยเหมือนโรงพยาบาลใหญ่ เผลอๆก็ไม่ต้องเดินทาง เพราะชาวบ้านกับทีมหมอครอบครัวตกลงกันหาวิธีติดต่อสื่อสารกันได้ เช่น กลุ่มไลน์ เฟสบุ้ค ก็จะยิ่งสะดวกขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคราวนี้จะมี หมอเป็นญาติ ก็ได้กระมัง

หมายเหตุ ตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ปลัดไม่เกี่ยว เพราะปลัดไม่ได้พูด แต่ผู้เขียนพูดเอง

แล้ว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.เป็นอะไร รพ.สต.ก็กำลังปรับโฉมให้เป็นคลินิกหมอครอบครัวเหมือน ร้านโชห่วย ที่เอาใจลูกค้า ปรับโฉมเป็นมินิมาร์ทไง (อุ้ย...หมออนามัยจะโกรธมั้ยนี่ ไปหาว่าเขาเป็นโชห่วย) 

เดิมร้านโชห่วยก็เป็นขวัญใจลูกค้าในชุมชนอยู่แล้ว กะปิปลาร้าเขาก็ไม่เอาไปขายในมินิมาร์ท กะปิปลาร้าก็ยังต้องพึ่งโชห่วยอยู่ เหมือนพื้นฐานการดูแลสุขภาพก็ยังต้องพึ่งรพ.สต. เพียงแต่คลินิกหมอครอบครัวที่ว่านี้จะจัดระบบให้ชัดเจนขึ้น เป็นการยกระดับการบริการปฐมภูมิให้กับประชาชน คงส่วนเดิมเติมส่วนขาด ให้รพ.สต.มีความครบถ้วนมากขึ้น ขาดอะไรก็เติม ที่ดีอยู่แล้วก็คงไว้ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน

เรียกว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพของรพ.สต.  ทำทั้งงานที่ถนัดอยู่เดิม งานใหม่ที่เพิ่มก็หาคนที่ถนัดมาทำ ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพิ่มงานอะไรก็หมอคนเดิม เดิมรักษาเล็กๆน้อยๆ ต่อมาเห็นว่ารักษาฟันจำเป็น เขาก็จะเข็นให้หมออนามัยขูดหินปูน(ยังจำได้มั้ย) เมื่อเห็นว่าภาวะทางจิตสำคัญ เขาก็ส่งหมออนามัยไปอบรมจิตเวช ตอนนี้เขาก็ให้หมออนามัยรักษาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ถึงเกิดคำฮิตที่ว่า อะไรก็กู  ถ้าครั้งนี้ไม่เอาแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวลงมา ต่อไปคงต้องให้หมออนามัยฉีด SK ละลายลิ่มเลือด

แล้วโชห่วยต่างจากคอนวีเนียนสโตร์อย่างไร โชห่วยมีของที่คนขายอยากขาย ลูกค้ามาซื้อต้องบอกว่าจะซื้ออะไร เจ้าของร้านจะไปหยิบมาให้ คอนวีเนียนสโตร์มีของที่ลูกค้าอยากซื้อ เลือกหยิบเอาเองตามความพอใจ 
คลินิกหมอครอบครัวก็เช่นกัน ลูกค้าคือประชาชนในพื้นที่ สามารถเข้าถึงทีมหมอครอบครัว ปรึกษาหารือได้ถึงสุขภาพของตน โดยทีมหมอที่พร้อมจะให้คำปรึกษา ไม่เหมือนโรงพยาบาลใหญ่ที่ สินค้าเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ระบบบริการเหมือนโชห่วย คือแล้วแต่หมอจะตัดสินใจ คนไข้ได้แต่ทำตามที่หมอสั่ง 

มินิมาร์ท ให้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความสะดวกของลูกค้า จ่ายค่าน้ำค่าไฟ จ่ายค่าโทรศัพท์ ก็ไปที่มินิมาร์ท ซื้อตั๋วเครื่องบิน ซื้อตั๋วรถทัวร์ ก็ไปจ่ายเงิน รับตั๋วที่มินิมาร์ท คลินิกหมอครอบครัวก็เช่นกัน จะเป็นตัวกลางในการติดต่อกับโรงพยาบาลใหญ่ คือจะเป็น หมอคนแรกของครอบครัว นั่นเอง

แต่คลินิกหมอครอบครัว ก็ทำไม่ได้ทุกอย่างนะ หากเจ็บป่วยมากๆคนไข้ก็ยังต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ โดยทีมหมอครอบครัวนั่นแหละที่จะเป็นผู้ประสานการส่งต่อให้ 
เพราะทีมหมอครอบครัว ที่อยู่ปากซอย ก็คือทีมเดียวกับหมอโรงพยาบาลใหญ่ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็ได้รับการดูแลต่อเนื่องได้เลย ไม่ต้องไปเริ่มเข้าคิวใหม่ คนไข้ก็ไม่แออัดเหมือนเก่า เพราะดูแลแต่ผู้ป่วยที่จำเป็นเท่านั้น

นั่นสิ....
ทำไมต้องไปโรงพยาบาล...เมื่อมี คลินิกหมอครอบครัว


วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

วู้...โขน

เอ๋ยสักวา ๔๔




สักวา เขาว่าโขน นั้นสูงศักดิ์
อย่าเอายักษ์ ทศพักตร์ มาเที่ยวท่อง
ขับโกคาร์ท แคะหนมครก ทัวร์ลำคลอง
ทำให้หมอง ถึงพงศา ประชาไทย
โน่นก็ห้าม นี่ไม่ได้ นั่นอย่ายุ่ง
ชาติเรามุ่ง สู่มหา อำนาจใหญ่
เป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟัง อย่าเถียงใคร
วู้...ชวนกันไป ถ่ายคลิปแก้ผ้า ดีกว่าเอย

หมายเหตุ

เมื่อมีข่าวว่า อดีตศิลปินท่านหนึ่งแห่ง กองการสังคีต กรมศิลปากร ได้เข้าร้องเรียน สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์) ถึงความเหมาะสมในการเผยแพร่มิวสิควิดีโอเพลง เที่ยวไทยมีเฮ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ อ๊อด บัณฑิต ทองดี นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ร่วมผลิตเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ด้วยการใส่ชุดโขน นำตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ คือทศกัณฐ์ และเหล่าเสนายักษ์ ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่างๆในเมืองไทย ไม่เหมาะสม ขู่ฟ้องทีมงาน โทษฐานทำลายวัฒนธรรม

ก็เกิด ข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ต่อมาที่ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้ให้เหตุผลว่า ไม่ได้ติดใจในการให้ทศกัณฐ์ท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ

แต่รู้สึกติดใจที่ ทศกัณฐ์ ราชาแห่งยักษ์ทั้งปวง และเป็นตัวละครในวรรณคดีที่สง่างาม น่าเกรงขาม มาทำกิจกรรมที่ดูไม่เหมาะสม อาทิ การหยอดขนมครก, ขับโกคาร์ท, ถ่ายเซลฟี่ เป็นต้น ที่ประชุมสรุปว่าให้ทางผู้ผลิตนำไปแก้ไขปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อวัฒนธรรมของชาติ มิเช่นนั้นจะต้องถูกแบน รู้สึก อนาถ

ต่อมา นายบัณฑิต ทองดี ผู้กำกับมิวสิควิดีโอเพลง เที่ยวไทยมีเฮ กล่าวว่า ตนยินยอมจะดำเนินการแก้ไขมิวสิควิดีโอใหม่ โดยจะตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกราว 40% รู้สึก อนาถยิ่งขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

เท็จ-จริง

๑๔๒


มักล่อลวงเท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ 

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 54

โจโฉยกทัพไปตีเมืองฮันต๋ง ต้นทางเมืองเสฉวน เตียวฬ่อให้
เตียวโอยกับเอียวเหียม เอียวหงง คุมทหารอันมากไปตั้งค่าย
รักษาด่านเองเปงก๋วน โจโฉยกทัพมาตั้งค่ายรออยู่ห้าสิบวัน
ยังไม่สามารถนำทัพเข้าตีเมืองฮันต๋งได้ จึงวางแผนว่าจะยก
กองทัพกลับ หวังให้กิตติศัพท์รู้ไปถึงศัตรูจะได้คิดประมาทลง
แล้วจะแต่งทหารให้ยกอ้อมไปตีด่านเองเปงก๋วน ฝ่ายเอียวหงง
จึงปรึกษาเอียวเหียมว่า ทราบว่าโจโฉจะยกทัพกลับ ตนจะคุม
ทหารไปตามโจมตี เห็นทีโจโฉจะแตกระส่ำระสาย เอียวเหียม
จึงตอบว่า จะคิดกำเริบดังนี้ไม่ได้ ด้วยโจโฉชำนาญในกลศึกนัก
มักล่อลวงเท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ

ในทุกเรื่องราว มีข้อเท็จ
ในทุกเรื่องราว มีข้อจริง
ในทุกเรื่องราวมี ทั้งข้อเท็จและข้อจริง
ทุกเรื่องราวจึงเรียก ข้อเท็จจริง

บางเรื่องราวมีข้อเท็จมากกว่าข้อจริง
เท็จมากกว่าจริง ยังคงเรียก ข้อเท็จจริง
บางเรื่องราวมีข้อจริงมากกว่าข้อเท็จ
จริงมากกว่าเท็จ ยังคงเรียก ข้อเท็จจริง

บางคนเลือกพูดข้อเท็จ ที่มีอยู่มาก
บางคนเลือกพูดข้อจริง ที่มีอยู่มาก
เรียกว่าพูดตาม ข้อเท็จจริง

บางคนเลือกพูดข้อเท็จ ที่มีอยู่น้อย
บางคนเลือกพูดข้อจริง ที่มีอยู่น้อย
เรียกว่าพูดตาม ข้อเท็จจริง

พึงระลึกเสมอว่า
ทุกเรื่องราวมีทั้งข้อเท็จและข้อจริง
ทุกเรื่องราวยังคงเป็น ข้อเท็จจริง

เท็จจึงอาจเป็นจริง จริงจึงอาจเป็นเท็จ

หมายเหตุ
ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔
เท็จจริง แปลว่า จริงเท่าที่ปรากฎหรือเท่าที่ทราบ


วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

คบคน ดูที่ไหน

เอ๋ยสักวา ๔๓



สักวา คบคน ดูที่ไหน
คบเพื่อได้ ผลประโยชน์ หมดก็หนี
คบเพื่อเงิน จนเงิน จนไมตรี
คบศักดิ์ศรี ไร้ศรีศักดิ์ มักเคลื่อนคลา
คบเพื่อกาม สิ้นงาม ตัณหาสิ้น
คบเพื่อกิน แสนง่าย ใคร่ตามหา
คบด้วยใ จึงยั่งยืน อนันตา
มิโรยรา ชั่วดินฟ้า นิรันดร์เอย

หมายเหตุ
ที่มาของสักวาบทนี้ จากหนังสือ ราชสำนักจีนหันซ้าย โลกหันขวา หน้า ๒๓๒ ความว่า

คบด้วยผลประโยชน์ หมดประโยชน์ก็หนีหาย
คบด้วยกามารมณ์ ความงามร่วงโรยก็ห่างเหิน
คบกันด้วยใจ ยั่งยืนได้ชั่วนิรันดร์ 


ชื่อผู้แต่ง : หวังหลง
ชื่อผู้แปล : เขมณัฐฐ์ ทรัพย์เกษมชัย และ สุดารัตน์ วงศ์กระจ่าง
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์มติชน

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

กำลัง

๑๔๑


บำรุงทหารให้มีกำลังก่อน

แล้วจึงค่อยยกไป ก็จะมีชัยชนะโดยง่าย
สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 54

โจโฉเกณฑ์ทหารได้สามสิบหมื่น จะยกลงมาตีเอาเมืองกันตั๋ง
โปหั้นทำหนังสือเตือนโจโฉด้วยคำโบราณว่า ฝ่ายทหารผู้จะ
เป็นแม่ทัพแม่กอง แม้จะยกไปทำการสงครามแห่งใดตำบลใด
ให้บำรุงทแกล้วทหารแลเครื่องศัสตราวุธให้พร้อมเป็นสง่าแล้ว
จึงจะยกไปเป็นธรรมดา ฝ่ายพลเรือนเล่าก็ให้มีน้ำใจโอบอ้อม
อารีแก่อาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุข แล้วทำนุบำรุง
บ้านเมืองไว้ให้เป็นสง่า แลเนื้อความสองประการนี้ผู้ใดทำได้
จึงจะคิดอ่านตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ บัดนี้โจโฉก็ปราบหัวเมืองต่างๆ
มาได้เก้าส่วน เหลือเพียงกันตั๋งกับเสฉวน การจะยกทัพไปตี
กันตั๋งนั้นเห็นทีทหารจะได้รับความลำบากนัก ขอให้งดอยู่
บำรุงทหารให้มีกำลังก่อนแล้วจึงค่อยยกไป ก็จะมีชัยชนะโดยง่าย


ทหาร เมื่อจะออกรบ ย่อมคาดหวังชัยชนะ

ทหาร จะชนะได้ ต้องบำรุงให้มีกำลัง
มีกำลัง ต้องมีทั้ง กำลังกาย และ กำลังใจ
กำลังกายคือ ความแข็งแรง เข้มแข็ง อดทน
กำลังใจคือ ความมั่นใจ
มั่นใจว่า จะชนะ
มั่นใจว่า เมื่อชนะ จะได้รับชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง
มั่นใจว่า แม้ตาย ลูกเมียจะได้รับชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง

สำหรับคนทำงานในองค์กร
อาจมิได้หวังผลลัพธ์ในการทำงาน
แต่ก็ต้องการ การบำรุงให้มีกำลัง
กำลังที่ต้องการ คือ กำลังใจ
กำลังใจที่เรียกว่า แรงจูงใจ
แรงจูงใจ ต้องได้ก่อนทำงาน