วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

จินตนาการจากการอ่าน ช่างเพริศแพร้วยิ่งกว่าสิ่งใด(เรื่องไม่อยากเล่า)


"น้ำครึ่งแก้วย่อมดีกว่าไม่มีน้ำในแก้วเลย"

เรื่องไม่อยากเล่า
สมัคร สุนทรเวช

ในองค์กรย่อมมีผู้คนหลายรูปแบบ
จำพวกแรก มีความรู้ความสามารถมากไม่อาจรับฟังความเห็นผู้อื่น ไม่อาจเรียนรู้เพิ่มเติม
จำพวกที่สอง อาจมีความรู้ความสามารถไม่มาก แต่ก็ไม่รับฟังความเห็นผู้อื่น และก็ไม่เรียนรู้เพิ่มเติม
จำพวกที่สาม ไม่มีความรู้ความสามารถใดเลย และก็ไม่รับฟังผู้ใด ไม่เรียนรู้อันใด
สามจำพวกนี้ย่อมไม่แตกต่างกันคือ ไม่พัฒนา 

จำพวกสุดท้าย จะมีความรู้มาก หรือไม่มาก หรือไม่มีความรู้ก็ช่าง แต่ยอมรับฟังผู้อื่น หมั่นเรียนรู้เพิ่มเติมและนำไปปรับใช้ 

ไม่ติดอยู่ในทัศนคติว่าน้ำครึ่งแก้ว น้ำเต็มแก้ว น้ำล้นแก้ว  น้ำครึ่งแก้วเติม ๆ ไปก็เต็มแก้ว ปล่อยให้ล้นแก้วก็อาจพร่องเอาที่ไร้ประโยชน์ออกไปเสียบ้าง จะน้ำแค่ไหนหากไม่ยอมเติมก็ไม่มีความหมายอันใด

ผู้บริหารจำนวนไม่น้อยอยู่ในสามจำพวกแรก


ต้นเรื่อง

สมัคร สุนทรเวช เป็นนักการเมืองรุ่นลายคราม เริ่มต้นชีวิตนักการเมืองตั้งแต่ สท. สส.ผู้ว่า กทม. และท้ายสุดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัครเป็นคนมีความรู้กว้างขวาง มีความสามารถหลายหลาก พูดเก่ง เจ้าคารมคมคาย เรื่องไม่อยากเล่า เป็นหนังสือที่สมัครเขียนถึงเรื่องของส่วนตัวตนเอง ตั้งแต่วัยเด็ก เป็นเซล์แมน เป็นนักการเมือง สำนวนสมัครเชื่อได้ว่าอ่านสนุก

Quote ที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากหนังสือเล่มนี้

"หลักนิติธรรมนั้น ต้องเอาหลักกฏหมายตั้งก่อน เมตตาธรรม นิติธรรมเป็นของแถมทีหลัง"


จินตนาการจากการอ่าน ช่างเพริศแพร้วยิ่งกว่าสิ่งใด




ไม่มีความคิดเห็น: