เมื่อผู้คนใดคิดว่าอีกผู้คนไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็ย่อมคิดเล็กคิดน้อย สิ่งใดที่เป็นเรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก สิ่งที่เคยลดขั้นตอนเพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็กลับต้องเพิ่มเงื่อนไขขึ้น เพราะเราไม่ใช่พวกเดียวกัน
แรกเริ่มเดิมทีของการทำระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตั้งสปสช.ขึ้นมา ก็หวังได้เงินรายหัวประชากรมาเป็นก้อนใหญ่ เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน โดยจะมุ่งเน้นไปที่ระบบปฐมภูมิ เพื่อคนมีสุขภาพดีให้มากที่สุด และป่วยน้อย ๆ เงินค่าประกันสุขภาพที่ได้มาจากรัฐก็จะถัวจ่ายได้เพียงพอ
ในยุคเริ่มต้นสปสช.จึงผลักดันให้เกิด PCU (Primary Care Unit) แต่ต่อมาไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด พลันล้มเหลวไป สปสช.ระยะหลังจึงทุ่มเทงบประมาณไปด้านการรักษามากขึ้น ยิ่งทำ ยิ่งใช้เงินมากขึ้น ยิ่งเน้นด้านรักษามากขึ้น เน้น Tertiary Care มากขึ้น เงินรายหัวที่ผ่าน CUP ก็โปะไปที่ภาครักษามากขึ้น
หมวดเงินสปสช. แยกเป็น OP , IP , PP ที่ไม่สะท้อนถึงระบบปฐมภูมิ คนทำงานสปสช.บางคนถึงกับคัดค้านเมื่อกระทรวงสาธารณสุขจะทำ เครือข่ายสุขภาพปฐมภูมิ PCC (Primary Care Cluster)
ถึงเวลาที่ต้องปรับระบบการเงินการคลังให้แยกส่วน สุขภาพปฐมภูมิ ออกมาให้ชัดเจน
คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ตามพรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2565 ควรเร่งหยิบประเด็นค่าใช้จ่ายในการรับบริการสุขภาพปฐมภูมิ ตามมาตรา 16 วรรค 2 แยกเงินรายหัวประชากรสำหรับระบบสุขภาพปฐมภูมิ มาจัดการโดยด่วน
ขั้นตอนคือ
1. เร่งจัดทำ ชุดสิทธิประโยชน์หลักด้านสุขภาพ และชุดสิทธิประโยชน์ เสริม 1 และเสริม 2 ที่ ศ.(กิตติคุณ) นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล เสนอไว้ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข
2. แปลงค่างานตามข้อ 1. เป็นเม็ดเงินค่าใช้จ่ายรายหัวประชากรทุกคนทุกสิทธิ เป็นค่าใช้จ่ายรายหัวสุขภาพปฐมภูมิ
3. ยึดหลักการไม่ตามจ่ายเมื่อสถานะผู้ป่วยเป็นทุติยภูมิขึ้นไป
4. ทุกกองทุนจ่ายเงินล่วงหน้าในข้อ 2 ให้หน่วยบริการปฐมภูมิโดยตรง (ทั้งกองทุนสปสช. กองทุนประกันสังคม กองทุนข้าราชการ กองทุนท้องถิ่น) กองทุนอื่นนอกเหนือจากสปสช.อาจเพิ่มเติมเงินในชุดสิทธิประโยชน์ เสริม 1 ประชาชนอาจเพิ่มเติมการประกันใน เสริม 2 และอาจให้สปสช.เป็นผู้จัดการระบบการเงินการคลัง
หากหน่วยบริการปฐมภูมิ ได้รับเงินสุขภาพปฐมภูมิรายหัวประชากร ก็จะสามารถบริหารจัดการโดยมุ่งเน้นเพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรใน Catchment area ของตนได้บนพื้นฐานประชาชนมีส่วนร่วม
ถ่ายเท งบประมาณ อย่างนี้ได้ ประชาชนจะได้ประโยชน์ หน่วยบริการปฐมภูมิจะได้ประโยชน์ หน่วยบริการทุติยภูมิ/ตติยภูมิจะได้ประโยชน์ กองทุนทุกกองทุนจะได้ประโยชน์ และสุดท้าย ประเทศชาติจะได้ประโยชน์
แรกเริ่มเดิมทีของการทำระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตั้งสปสช.ขึ้นมา ก็หวังได้เงินรายหัวประชากรมาเป็นก้อนใหญ่ เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน โดยจะมุ่งเน้นไปที่ระบบปฐมภูมิ เพื่อคนมีสุขภาพดีให้มากที่สุด และป่วยน้อย ๆ เงินค่าประกันสุขภาพที่ได้มาจากรัฐก็จะถัวจ่ายได้เพียงพอ
ในยุคเริ่มต้นสปสช.จึงผลักดันให้เกิด PCU (Primary Care Unit) แต่ต่อมาไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด พลันล้มเหลวไป สปสช.ระยะหลังจึงทุ่มเทงบประมาณไปด้านการรักษามากขึ้น ยิ่งทำ ยิ่งใช้เงินมากขึ้น ยิ่งเน้นด้านรักษามากขึ้น เน้น Tertiary Care มากขึ้น เงินรายหัวที่ผ่าน CUP ก็โปะไปที่ภาครักษามากขึ้น
หมวดเงินสปสช. แยกเป็น OP , IP , PP ที่ไม่สะท้อนถึงระบบปฐมภูมิ คนทำงานสปสช.บางคนถึงกับคัดค้านเมื่อกระทรวงสาธารณสุขจะทำ เครือข่ายสุขภาพปฐมภูมิ PCC (Primary Care Cluster)
ถึงเวลาที่ต้องปรับระบบการเงินการคลังให้แยกส่วน สุขภาพปฐมภูมิ ออกมาให้ชัดเจน
คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ตามพรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2565 ควรเร่งหยิบประเด็นค่าใช้จ่ายในการรับบริการสุขภาพปฐมภูมิ ตามมาตรา 16 วรรค 2 แยกเงินรายหัวประชากรสำหรับระบบสุขภาพปฐมภูมิ มาจัดการโดยด่วน
ขั้นตอนคือ
1. เร่งจัดทำ ชุดสิทธิประโยชน์หลักด้านสุขภาพ และชุดสิทธิประโยชน์ เสริม 1 และเสริม 2 ที่ ศ.(กิตติคุณ) นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล เสนอไว้ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข
2. แปลงค่างานตามข้อ 1. เป็นเม็ดเงินค่าใช้จ่ายรายหัวประชากรทุกคนทุกสิทธิ เป็นค่าใช้จ่ายรายหัวสุขภาพปฐมภูมิ
3. ยึดหลักการไม่ตามจ่ายเมื่อสถานะผู้ป่วยเป็นทุติยภูมิขึ้นไป
4. ทุกกองทุนจ่ายเงินล่วงหน้าในข้อ 2 ให้หน่วยบริการปฐมภูมิโดยตรง (ทั้งกองทุนสปสช. กองทุนประกันสังคม กองทุนข้าราชการ กองทุนท้องถิ่น) กองทุนอื่นนอกเหนือจากสปสช.อาจเพิ่มเติมเงินในชุดสิทธิประโยชน์ เสริม 1 ประชาชนอาจเพิ่มเติมการประกันใน เสริม 2 และอาจให้สปสช.เป็นผู้จัดการระบบการเงินการคลัง
หากหน่วยบริการปฐมภูมิ ได้รับเงินสุขภาพปฐมภูมิรายหัวประชากร ก็จะสามารถบริหารจัดการโดยมุ่งเน้นเพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรใน Catchment area ของตนได้บนพื้นฐานประชาชนมีส่วนร่วม
ถ่ายเท งบประมาณ อย่างนี้ได้ ประชาชนจะได้ประโยชน์ หน่วยบริการปฐมภูมิจะได้ประโยชน์ หน่วยบริการทุติยภูมิ/ตติยภูมิจะได้ประโยชน์ กองทุนทุกกองทุนจะได้ประโยชน์ และสุดท้าย ประเทศชาติจะได้ประโยชน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น