วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2562

ประจบสอพลอ (รามเกียรติ์ ๐๑๙)


บรรดาเทวาสุรารักษ์
เข้ายกเข้าผลักภูเขาใหญ่
บ้างแบกบ้างรุนวุ่นไป
โห่สนั่นหวั่นไหวทั้งธาตรี
จนสิ้นฤทธิ์สิ้นแรงเทวัญ
เขานั้นไม่เคลื่อนจากที่
จึ่งบังคมทูลพระศุลี
ข้านี้สิ้นกำลังกายา

เมื่อท้าวลัสเตียนเสวยสมบัติมาเป็นเวลาหกหมื่นปี จึงได้มอบราชสมบัติให้ทศกัณฐ์ครองกรุงลงกา กล่าวถึงวิรูฬหกซึ่งเป็นยักษ์ครองเมืองอยู่ใต้บาดาล ทุกเจ็ดปีวิรูฬหกจะเดินทางไปเข้าเฝ้าพระอิศวรครั้งหนึ่ง เมื่อครบกำหนดจึงเดินทางมายังเขาไกรลาส เข้าใจว่าพระอิศวรเสด็จออกในมุขมหาพิมานชัยแล้ว วิรูฬหกก้าวขึ้นบันไดก็ก้มลงกราบทุกขั้นบันไดไป ฝ่ายสารภูเห็นเข้าก็ร้องทำเสียงตุ๊กแก ทำหัวผงกเยาะเย้ยวิรูฬหกระหว่างก้มกราบขั้นบันได วิรูฬหกแหงนมองไม่เห็นพระอิศวรแต่เห็นสารภูเยาะเย้ยจึงโกรธถอดสร้อยสังวาลนาคขว้างใส่สารภูถูกเขาไกรลาสทรุดลง ส่วนสารภูถึงแก่ความตาย พระอิศวรได้ยินเสียงก็ตื่นจากบรรทมเสด็จออกหน้ามุขพิมาน ทรงทราบด้วยญาณก็รู้เหตุทั้งปวง จึงประกาศหาว่าผู้ใดจะทำการยกเขาไกรลาสให้ตรงได้จะประทานรางวัลให้ถึงใจ ฝ่ายฝูงเทพเทวาได้ยินก็ต่างขันอาสากันวุ่นวายทั้งยกทั้งแบกทั้งผลักจนสิ้นแรงก็ไม่สามารถทำให้เขาไกรลาสขยับได้ พระอิศวรจึงนึกถึงทศกัณฑ์

เป็นผู้บริหารหากคิดทำการใหญ่
จงเลือกผู้รับผิดชอบที่มีความรู้ความสามารถแท้จริง

พึงระมัดระวัง พวกชอบขันอาสา
พวกขันอาสา ที่หวังเพียงเอาใจนาย
ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้วัตถุประสงค์ ไม่รู้กระบวนการ ไม่รู้ผลกระทบ

อาสาเพียงเพื่อให้นายพึงพอใจ
ไม่มีฝีมือ ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ
อาสาเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน มิได้คำนึงถึงผลประโยชน์องค์กร

เป็นเพียงลูกขุนพลอยพยัก
สุดท้ายก็ เสียทั้งงาน เสียทั้งเวลา ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว

เว้นแต่เป็นผู้บริหารที่ชอบ พวกประจบสอพลอ



ไม่มีความคิดเห็น: