วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562

แส่ (รามเกียรติ์ ๐๑๖)


คิดแล้วเอาไม้เท้าเคาะ
เบาะลงที่ตรงขนดหาง
เห็นกระสันพันกันไม่ละวาง
จึงเคาะซ้ำลงกลางกายา
เมื่อนั้น
นางอนงค์นาคีเสน่หา
ตกใจคลายขนดออกมา
ลืมตาเห็นสี่พระมุนี

กล่าวถึงพระอตันตาฤาษี พระวชิรามุนี พระวิสูต และพระมหาโรมสิงค์ บำเพ็ญพรตมาได้สามหมื่นปี ทุกเช้าเหล่านางโคนมในป่าห้าร้อยตัวจะพากันมาหยดน้ำนมถวายให้ดื่มกินเป็นอาหาร เมื่อดื่มน้ำนมแล้วฤาษีทั้งสี่จะเมตตาแบ่งให้นางกบตัวหนึ่งเสมอมา ต่อมากล่าวถึงนางอนงค์นาคีซึ่งเป็นบุตรพญากาลนาคาเกิดกำหนัดทนไม่ไหวขึ้นมายังพื้นโลกแปลงร่างเป็นมนุษย์เดินหาผู้ชายแต่มิได้พบชายใด บังเอิญให้เห็นงูดินจึงกลับกลายร่างเป็นนาคสมสู่กับงูดิน ฤาษีทั้งสี่เดินมาพบเข้าก็หยุดดูแล้วดำริว่าเป็นนาคไม่รู้จักไว้ตัวไปสมสู่กับงูดิน จึงเอาไม้เท้าเคาะที่ขนดหาง นางอนงค์นาคีก็ยังไม่รู้ตัวจึงเอาไม้เคาะที่กลางลำตัว นางอนงค์นาคีตกใจรู้ตัวก็มีความละอายชำแรกแผ่นดินหนีไป นางอนงค์นาคีให้นึกโกรธฤาษีทั้งสี่ จึงกลับมาหวังทำร้ายคายพิษใส่ไว้ในถาดน้ำนมที่ฤาษีดื่มกินประจำ

เป็นผู้บริหาร เมื่อมอบหมายงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว
พึงให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติภารกิจนั้นให้สำเร็จ
มิควรล้วงลูก ไปในเนื้องานที่มอบหมายไปแล้ว
มิควรล้วงลูก หากยังไม่เล็งเห็นผลเสียหายอันร้ายแรง
ให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาใช้สติปัญญาสร้างสรรผลงาน

เป็นผู้บริหาร มิพึงแส่ยุ่งไปทุกเรื่อง
หลายเรื่องราว อาจมิใช่งานในบทบาทหน้าที่
หลายเรื่องราว อาจเป็นบทบาทหน้าที่ของผู้อื่น
หลายเรื่องราว เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องส่วนบุคคล
พึงอย่าแส่ยุ่งไปทุกเรื่องราว



ไม่มีความคิดเห็น: