วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ถ่ายโอนรพสต...ต้องถ่ายเลือด

เมื่อถ่ายโอนรพสต. 3000 กว่าแห่งไปอยู่กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็เกิดความลักลั่นในอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในส่วน รพสต.ที่ถ่ายโอน และหน่วยงานอื่น ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข หลายที่เกิดภาวะขาดคน แต่หลายที่เกิดภาวะคนเกิน

นอกจากนั้น โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ยังได้แถลงใน Facebook โดยอ้างอิงคำกล่าวของรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า

"หลังการถ่ายโอนภารกิจไปแล้ว อบจ.ต้องเตรียมพร้อมทุกระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น จัดหากำลังคนทั้งบุคลากรแพทย์ พยาบาล และผู้ควบคุมการประกอบวิชาชีพ เตรียมจัดหาและกระจายทรัพยากร วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้กลไกในพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุขยินดีช่วยสนับสนุนดูแลในช่วงเปลี่ยนผ่าน"

นั่นหมายความว่า กระทรวงสาธารณสุขส่งสัญญาณว่า แม้ CUP ต่าง ๆ จะรับเงินรายหัวประชากร UC ไปครบจำนวน ตามบทบาท Provider จาก สปสช. แต่ก็จะไม่ตามไปให้บริการประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ของ รพสต.ในสังกัดอบจ.

นั่นหมายความว่า เจ้าหน้าที่เดิมของ CUP ต่าง ๆ ที่เคยเพิ่มอัตรากำลังเพื่อให้บริการประชาชนพื้นที่ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ฯลฯ ก็จะเป็นเสมือนคนว่างงาน หน่วยงานเกิดภาวะคนเกินทันที

หมายเหตุ(แทรกกลางบทความ) 1
ส่วนเรื่องการเงินการคลัง พักไว้ให้เป็นหน้าที่ของ สปสช. กับ กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณไปสะสางกันต่อไปว่าจะจัดการอย่างไร เช่น อาจเปลี่ยนการจัดสรรเป็น งบประมาณรายหัวสำหรับปฐมภูมิเฉพาะ ตามแนวทาง พรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562

หมายเหตุ(แทรกกลางบทความ) 2
สำหรับเรื่องระบบบริการ จากแนวคิดรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดูเหมือนเท่ากับจับประชาชนเป็นตัวประกัน เพราะอบจ.ไม่มีทางหาตัวแพทย์ ทันตแพทย์ หรือวิชาชีพอื่น ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ครุภัณฑ์ เช่นยูนิตทำฟัน ที่บางแห่งถอดถอนออกไป ได้รวดเร็วในระยะเปลี่ยนผ่าน ดังนั้น รพสต.ถ่ายโอนอาจทำได้อย่างดีที่สุด เพื่อดูแลสุขภาพประชาชน ก็คือ ส่งต่อผู้ป่วยไปให้โรงพยาบาล โดยที่ไม่ต้องตามจ่าย เพราะโรงพยาบาลที่เป็น CUP รับเงินจากสปสช.เป็นค่าหัวไปเรียบร้อยแล้ว

ร่างกายคนเรา เมื่อขาดเลือดก็ต้องให้เลือด หรือมีภาวะเลือดมากกว่าปกติก็ต้องถ่ายเลือดออก หรือเลือดมีปัญหาก็ต้องเปลี่ยนเลือด รวมเรียกว่า ถ่ายเลือด เช่นกัน เมื่อมีคนขาด มีคนเกิน มีคนกับงานไม่สัมพัทธ์กัน เมื่อมีความจำเป็นก็จำต้อง ถ่ายเลือด

ความจริง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ อบจ.ที่เป็นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ล้วนเป็นหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่ดูแลประชาชน จึงต้องปรับสมดุลไปด้วยกัน จะปล่อยให้ ปาก ฟัน มือ ตีน ทะเลาะกันเหมือนในนิทานคงไม่ดี สิ่งที่ทุกฝ่ายควรทำในโอกาสนี้คือ ปรับปรุงระบบงานและกำลังคนให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจตามความเหมาะสม ก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยกัน มาคุยกันตอนนี้ก็ยังไม่สาย

ประเด็นที่ควรปรับ ก็เป็น 4 เรื่องเดิม ๆ คือ Service , System , Staff , Structure เพราะหากไม่แก้ไขระบบหรือโครงสร้าง ก็เหมือนไม่รักษา ไม่แก้ไขบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ถ่ายเลือดอย่างไร ต้นเหตุ สาเหตุของปัญหาไม่แก้ไข เดี๋ยวก็เหมือนเดิม

หมายเหตุ(ท้ายบทความ) 3
ถ้าคิดเรื่องถ่ายเลือดไม่ได้ ก็คงต้องหาทางเอาเลือดหัวออกเสียบ้างจะได้คิดออก





ไม่มีความคิดเห็น: