วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

มีรักมีชัง (รามเกียรติ์ ๐๗๐)



วิ่งวุ่นมาดูสับสน
สองข้างแถวถนนซ้ายขวา
ที่รักก็ดูไม่เต็มตา
แสนเวทนาเป็นสุดคิด
ที่ชังก็ว่าสาแก่ใจ
ใครใช้ให้ทำความผิด
จะพาเราตายวายชีวิต
สิ้นทั้งญาติมิตรบรรดามี

พระพรตพระสัตรุตนำทัพจากกรุงศรีอยุธยาไปปราบท้าวทศพินยังกรุงลงกาเพื่อช่วยเหลือท้าวคิริวงศ์ ยามลิวันกับกันยุเวกบุตรอินทรชิตเกรงภัยจะมาถึงตนและมารดาจึงลอบออกมาพบพระพรตพระสัตรุต และสัญญาจะวางแผนจับท้าวทศพินมาถวายให้จงได้ เมื่อท้าวทศพินยกทัพออกรบกับพระพรตพระสัตรุต ยามลิวันกับกันยุเวกจึงอาสาร่วมมาในกองทัพด้วย พระพรตสั่งให้อสุรผัดออกรบกับท้าวทศพิน ท้าวทศพินเสียทีถูกอสุรผัดตีด้วยคันศรล้มลงยามลิวันกับกันยุเวกจึงเข้าจับตัวเอาไว้ได้ ส่วนอสุรผัดก็จับตัววรณีสูรพี่เลี้ยงไว้ได้ พระพรตสั่งให้สอบสวนทั้งสองจนได้ความผิด แต่จะสอบสวนต่อก็คงจะถึงตัวนางมณโฑ เห็นแก่ท้าวทศคิริและองคตจึงให้ยุติไว้ แล้วให้นำตัวท้าวทศพินและวรณีสูรออกไปตะเวนประจานแล้วสังหารเสีย เมื่อชาวเมืองลงกาเห็นก็แบ่งออกเป็นสองพวก พวกที่รักก็รู้สึกเวทนาสงสารไม่กล้ามองเต็มตา พวกที่ชังก็สมน้ำหน้า

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์มีความรู้สึก มนุษย์มีรักมีชัง
ความรักความชังหลายครั้งมิได้อาศัยเหตุผล

องค์กรเป็นสังคมมนุษย์
ในองค์กรจึงมีคนที่รักกันแลคนที่ชังกัน
ไม่พึงถามหาเหตุผลของความรักแลความชังของคนในองค์กร

คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ
ผืนหนังย่อมจำกัดแค่หนังสัตว์อะไร
ผืนเสื่อย่อมถักทอต่อขนาดไปได้ไม่จำกัด

ผู้บริหารควรรู้ว่ามีทั้งคนรักแลคนชัง



ไม่มีความคิดเห็น: