วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หน้าเหล้าหน้าข้าว

๑๔๐

บัดนี้เป็นหน้าเหล้าหน้าข้าวอยู่

ซึ่งท่านจะเอาการบ้านเมืองมาว่านี้ไม่ควร


สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 54



โลซกวางแผนแต่งหนังสือเชิญกวนอูไปกินโต๊ะ หวังเจรจาให้
คืนเมืองเกงจิ๋ว หากกวนอูไม่ยอมก็จะรุมจับตัวฆ่าเสีย  กวนอู
มิได้เกรงกลัวเดินทางไปค่ายปากน้ำลกเค้าตามคำเชิญ เมื่อ
เสพย์สุราอยู่นั้น โลซกให้รู้สึกครั่นคร้ามนักได้แต่ให้คนใช้ริน
สุราให้กวนอูหวังจะให้กวนอูเมาสุรา กวนอูก็มิได้ย่อท้อเสพย์
สุราแล้วก็คุยเล่นแต่เรื่องสนุกสนาน โลซกหมายว่ากวนอูเมา
จึงเริ่มกล่าวทวงเมืองเกงจิ๋ว กวนอูจึงว่า ท่านให้มีหนังสือไป
หาเรามาจะกินโต๊ะเล่น บัดนี้เป็นหน้าเหล้าหน้าข้าวอยู่
ซึ่งท่านจะเอาการบ้านเมืองมาว่านี้ไม่ควร



หน้าเหล้าหน้าข้าว คือ หน้าเทศกาลรื่นเริง

เทศกาลรื่นเริง เป็นเวลาผ่อนคลาย
เทศกาลรื่นเริง เป็นเวลาสำราญ
เทศกาลรื่นเริง จึงเป็น เวลาพัก


หน้าเหล้าหน้าข้าว คือ ช่วงเวลากินอาหาร
เวลากินอาหาร เป็นเวลาผ่อนคลาย
เวลากินอาหาร เป็นเวลาสำราญ

นักเรียน มีเวลาหยุดพักกินอาหารกลางวัน เรียกว่า พักกินข้าว
คนทำงาน มีเวลาพักกินอาหารกลางวัน เรียกว่า พักเที่ยง
เวลากินอาหาร จึงเป็น เวลาพัก

เวลาพัก เป็นเวลาที่ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายจากงาน
เวลาพัก จึงไม่ควรเจรจางาน
เวลาพัก จึงไม่ควรเอางานเอาการมาทำ

ผู้บริหารหลายคน ชอบทำงานใน เวลาพัก
ผู้ปฏิบัติเดือดร้อน ย่อมได้แต่บ่นลับหลัง

ผู้ปฏิบัติหลายคน ชอบทำงานใน เวลาพัก
หวังว่าผู้บริหารจะเห็นว่าเป็นคนขยัน
กลับถูกมองว่าเป็นคนทำงานล่าช้า

คนทำงานในเวลาพัก เรียกว่า ทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา
คนทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา มักเข้าใจว่าตนเองขยัน
คนทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา มักตีความว่าผู้อื่นขี้เกียจ
คนทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา มักตีความว่าผู้อื่นไม่เสียสละ

อันที่จริงแล้ว ไม่มีงานอะไรที่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น
นั่นคือ งานเป็นงาน
นั่นคือ พักเป็นพัก


นั่นคือ มีเวลาส่วนตัวเองบ้าง

นั่นคือ อย่าลุกล้ำเวลาส่วนตัวของผู้อื่น


สามก๊ก อ่านสามจบ ยังคบได้

มีคำกล่าวล่ำลือถึงความเป็น สุดยอดตำราทางยุทธศาสตร์ ของ สามก๊ก ว่า อ่านสามจบคบไม่ได้  ฟังดูก็ไม่เชิงว่าจะเป็นการนิยมยกย่องสักเท่าไร เพราะเหตุที่คบไม่ได้ มิใช่ว่าจะเป็นคนเก่งกล้าสามารถ แต่หากจะเป็นคน เจ้าเล่ห์แสนกล ด้วยสามก๊กนั้นเต็มไปด้วยกลอุบาย หรือที่คบไม่ได้อาจเป็นเพราะ ท่าทางจะเป็นคนโง่เหลือกำลัง ที่ทนอ่านอยู่ได้ตั้งสามจบ
ผู้เขียนเองก็นับว่าอ่านสามก๊กมามากกว่าสามจบ ทั้งฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ฉบับ วรรณไว พัธโนทัย ฉบับ ยาขอบ และฉบับ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อ่านแล้วก็ลืม ลืมแล้วก็อ่าน อ่านทุกครั้งก็สนุกทุกครั้ง ไม่วิเคราะห์ไม่คิดมากให้เสียเวลา อ่านเอาสนุก อ่านเป็นนิยาย
ก็คนเขียนเขาเขียนเป็นนิยาย จะไปอ่านเอาสาระทำไมกัน หาก หลอกว้านจง ผู้ประพันธ์ รู้เข้าก็คงจะงุนงงเป็นยิ่งนักที่สามก๊กกลายเป็นตำราพิชัยสงคราม ตำราการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ไปได้
ผู้เขียนฟัง อาปา เล่าเรื่องสามก๊กให้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไหวพริบของตัวละครต่างๆในสามก๊ก ซึ่งก็เป็นเหตุทำให้ผู้เขียนสนใจอ่านสามก๊กเพื่อไปค้นหาข้อความที่อาปาเล่า ฉบับแรกที่อ่านก็เป็นฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง(หน) เล่มใหญ่หนาที่บ้านอาโกว 
มานึกได้วันหนึ่งว่า น่าจะลองอ่านสามก๊กใหม่อีกสักหน คราวนี้จะลองอ่านแบบ อ่านเอาเรื่อง อ่านตรงที่คนอื่นเขาไม่อ่านกัน เพื่อยืนยันว่าอ่านอีกกี่จบก็น่าจะ ยังคบได้




ไม่มีความคิดเห็น: