วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อยากลืมกลับจำ ตอน ป่ากับซาตาน



บทกลอนข้างบนบทนี้ จำมาจากเมื่อคราวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อน มศ.๕.๓๑ โรงเรียนอุตรดิตถ์ พากันไปเที่ยวป่าดู สักใหญ่ ต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อปี ๒๕๒๐

เวลาผ่านไปกว่า ๔๐ ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะจำได้ แต่ก็จำได้ ไม่ได้คิดว่าจะจำแต่ก็เคยเอามาจดไว้ในสมุดเล่มหนึ่งพร้อมคำอ่านเป็นภาษาอังกฤษ ที่ใช้แนวตามคำอ่านโคลงโลกนิติที่ มรว.เสนีย์ ปราโมช แปลเป็นภาษาอังกฤษ ที่อาจารย์ทิพาพร พรมประไพ(เปล่งรัศมี) ซึ่งเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์เอามาให้อ่านด้วยเห็นว่าผู้เขียนชอบภาษาไทย และกำลังจะไปสอบ AFS ตัวอย่างโคลงโลกนิติที่ มรว.เสนีย์ ปราโมชแปล จำได้เพียงบทเดียวคือ

Born men are we all           and one,
Brown, black by the sun     cultured.
Knowledge can be won      alike.
Only the heart differs        form man to man.

ฝูงชนกำเนิดคล้าย       คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ  แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน      กันหมด
เว้นแต่ชั่วดีกระด้าง      ห่อนแก้ ฤาไหว

เพื่อน ๆ ที่พากันไปเที่ยวคราวนั้นต้องใช้รูปและค้นหาเพิ่มเติมเพื่อระลึกถึง ประกอบด้วย ผู้เขียนนั่งซ้อนท้าย ไพโรจน์ แสงซิว  ทีมที่ไปด้วยได้แก่ไพโรจน์ จันทร์กุญชร(ไอ้ช้าง), ปราโมทย์ ดีวิจิตร, เสริมพันธ์ รัตนสุวรรณ(เสียชีวิตแล้ว), วิรัตน์ , สมบัติ(ไอ้ปิ้น), จรัญ อู่รอด (ขี่เอ็นดูโร่สีเหลือง), สุทัศน์ มั่นยวน,อรุณ โสตถิกุล, พงศ์เทพ ,ปรีชา 

ยุคที่ไม่มีกล้องดิจิตัล ไม่มีโทรศัพท์มือถือ รูปจากฟิล์มขาวดำชุดนี้ก็ยังพอบึนทึกความทรงจำไว้ได้พอสมควร











เมื่อถึงสักใหญ่ ได้เห็นป้าย ๆ หนึ่งติดประกาศไว้ รู้สึกได้ถึงความขลังของผืนป่า จนต้องจดจำไว้ว่า

                    ให้แผ่นดินถิ่นแห่งนี้ผีรักษา
                    อีกเทพาอารักษ์รักษาสถาน
                    ใครล้มไม้ทำลายป่าให้ซาตาน
                    เดียรัจฉานฉีกร่างนรกกิน

มาวันนี้กระแสสังคมกำลังพูดเรื่องการสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการในป่าดอยสุเทพ ทำให้นึกถึงกลอนบทนี้ขึ้นมา ก็ได้แค่นึกถึง ว่าคนป่าไม้คิดกันอย่างไร เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว เฝ้าเองไม่ไหวยังฝากให้ผีเฝ้าดู ยังฝากให้เทพาอารักษ์เฝ้ารักษา มาบัดนี้ เห็นอยู่ตำตา แต่มันไม่ตำใจ ป้ายสาบแช่งนี้คงต้องกลับมาแช่งตัวเองเสียแล้วกระมัง 

ก็แค่เรื่องที่ อยากลืมกลับจำ อยากจำกลับลืม แค่นั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: