ภาพโดย ChatGPT
ชีวิตไม่ติดแกลม…แต่ติดเกณฑ์
ความรู้สึกของคนทำงาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (จะถ่ายโอนหรือไม่ถ่ายโอนก็ช่าง) คือ…ตัวชี้วัดโครตเยอะ
เลยเลือกทำตัวชี้วัด ที่ง่าย
เลยเลือกทำตัวชี้วัด แค่ผ่าน ไม่ต้องทำครบ
เลยเลือกทำตัวชี้วัด ให้ผ่าน แม้จะต้องใช้ผลงานในอนาคตมารายงาน
สุขภาพที่แท้จริงของประชาชนจะเป็นยังไงก็ช่างมัน
รพสต.ถ่ายโอนองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก จึงเลือกใช้ตัวชี้วัด "ครอบครัวสุขภาพดี" โดยมองภาพรวมของครอบครัวแบบ Holistic (ซึ่งแน่นอนว่ามีตัวกำหนดเกณฑ์ย่อย ๆ ของสมาชิกในครอบครัวตามกลุ่มวัยอีกหลายตัว แต่เป็นตัวกำหนดเพื่อพัฒนาสุขภาพ ไม่ใช่ตัวชี้วัดไม่ต้องรายงาน) จะช่วยจำแนกครอบครัวออกเป็น ครอบครัวสุขภาพดี ครอบครัวสุขภาพเสี่ยง และครอบครัวสุขภาพไม่ดี จึงประเมินได้ว่าครอบครัวไหนสามารถจัดการครอบครัวตนเองได้หรือไม่ ต้องติดตามดูแลบ่อยแค่ไหน และค่อย ๆ เพิ่มจำนวนครอบครัวสุขภาพดีสามารถจัดการตนเองได้ให้มากขึ้น ภาระงานเจ้าหน้าที่ก็จะลดลง มีเวลาไปทำงานเชิงคุณภาพได้มากขึ้น
เป็นการดูแลสุขภาพที่ลดขนาดจากภาพรวมที่หน่วยบริการรับผิดชอบระดับตำบลหรือหลายหมู่บ้านเป็นขนาดครอบครัว เป็นการดูแบบละเอียดมากขึ้น คุณภาพย่อมดีขึ้น
และยังสามารถประมวลปัญหากลุ่มเป้าหมายตามช่วงอายุภาพรวมของชุมชนหรือหมู่บ้าน เพื่อการจัดการแก้ไขปัญหาร่วมแบบเดิมได้ด้วย
นอกจากนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกยังเปลี่ยนโปรแกรมการให้บริการเป็นระบบ on cloud ซึ่งต้องให้บริการจริงและบันทึกแบบ Real time สามารถทำงานได้ทั้งในที่ตั้ง และเชิงรุกในพื้นที่ ตัวชี้วัดอื่น ๆ จึงเป็นไปตามการทำงาน โดยพยายามเชื่อมระบบให้เป็นการรายงานตามผลปฏิบัติงานจริงผ่านระบบ IT ลดการทำรายงานทั้งปวงลง
มีคำถามว่า เหตุใดเมื่อถ่ายโอนภารกิจแล้ว ผลงานต่าง ๆ ของรพสต.ถ่ายโอนจึงลดลง สอบถามผู้ปฏิบัติแล้ว ได้รับคำตอบว่า โปรแกรม on cloud ที่ใช้อยู่ตอนนี้ ไม่สามารถ dump ข้อมูลได้ ต้องทำตามจริงเท่านั้น ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่จะได้รับจาก สปสช.ก็พลอยได้รับลดลงไปด้วย
เมื่อผลการดำเนินการมั่นคง คงก้าวเพิ่มคือ
1.เพิ่มตัวกำหนดของความมีสุขภาพดีในตัวชี้วัดครอบครัวสุขภาพดีให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพของครอบครัวสุขภาพดี
2.กำหนดตัวชี้วัด "หมู่บ้านสุขภาพดี" หรือ "ชุมชนสุขภาพดี" เพื่อจัดการปัญหาสุขภาพภาพรวมและสิ่งแวดล้อมของชุมชน
ถ้าจะติดเกณฑ์ ก็ขอเกณฑ์ที่คิดเองอ่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น