วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2564

นักร้องไร้ชื่อ

เมื่อได้เห็นเพื่อน FB ท่านหนึ่ง post ตัวโตว่า นักร้องไร้ชื่อ พลันกระตุ้นให้คิดได้ 2 สถานการณ์

หนึ่งคือ คิดแบบคนซื่อ ตรงไปตรงมา แบบไม่ยอมเข้าใจผู้ post ว่าเป็นนักร้องเดี๋ยวนี้เป็นง่ายไม่ต้องพึ่งพาค่ายเทปเหมือนสมัยก่อน ที่ต้องร้องเพลงเป็นอัลบั้ม คือร้องเป็นชุดให้พอออกเทปทั้งตลับทั้งม้วน แต่สมัยนี้ออกแค่ซิงเกิ้ล เพลงเดียว post บน YouTube มีคนติดตามฟังหลายล้านวิว ดังได้ในเพลงเดียว

หนึ่งคือ คิดแบบสังคมทั่วไป เข้าใจความรู้สึกอันสลับซับซ้อนของผู้ post แม้ไม่ต้องลงรายละเอียด ว่าเป็นประเด็นเรื่องการร้องเรียน เมื่อเป็นเรื่องของการร้องเรียนก็ต้องมี ผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และ ผู้รับร้อง

ผู้ร้อง หากมีการร้องเพียงเรื่องเดียว ก็ยังคงเป็นผู้ร้อง แต่หากขยันหมั่นเพียรในการร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้องเรียนเดิมหรือเรื่องใหม่ ผู้ถูกร้องคนเดิมหรือคนใหม่ ผู้รับเรื่องร้องเรียนคนเดิมหรือคนใหม่ ล้วนทำให้ผู้ขยันร้องเรียนนั้นได้รับเลื่อนสถานะเป็น นักร้อง

เมื่อมีผู้ร้อง ทั้งผู้ถูกร้องและผู้รับร้อง ควรกด play ทำใจร่ม ๆ ยอมรับฟัง ไม่ว่าจะนักร้องมีชื่อหรือนักร้องไร้ชื่อ หากร้องเสียงไม่ดี ก็กด pause แล้วเลื่อนไปหา clip อื่นที่รื่นเริงบันเทิงใจกว่าดู

แต่หากผู้ร้องเสียงดี ก็ฟังต่อ นักร้องไร้ชื่ออาจเสียงดีถึงขั้นที่กด subscribe กดกระดิ่ง เป็นนักร้องประจำใจที่ต้องติดตามต่อไปก็ได้

เป็นผู้ถูกร้อง
เรื่องร้องเรียนที่ไร้สาระ ก็อย่าไปใส่ใจเสียอารมณ์
เรื่องร้องเรียนที่มีสาระ ก็พัฒนาหาแนวทางแก้ไข

เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน
เรื่องร้องเรียนที่ไร้สาระ ก็โยนทิ้งไป
เรื่องร้องเรียนที่มีสาระ ช่วยกันหาแนวทางแก้ไข

ผู้บริหารบางคน ฟังมันทุกเพลง ไม่ว่านักร้องจะเสียงดีเสียงเพี้ยนยังไง
ชอบเอาเรื่องร้องเรียน ไม่ว่าจะมีสาระหรือไม่มีสาระ มาเป็นประเด็นเล่นงานผู้ใต้บังคับบัญชา ฟังเพลงก็ สักแต่ว่าฟัง

และ เป็นนักร้อง
เรื่องร้องเรียนที่ไร้สาระ อย่าร้อง
เรื่องร้องเรียนที่มีสาระ ก็...อย่าร้อง
มีวิธีอื่นที่แก้ปัญหาดีกว่าการร้องเรียนตั้งแยะ เอาเวลาไปร้องเพลงดีกว่า 









ไม่มีความคิดเห็น: