วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551

Check & Do

กระบวนการป้องกันโรค ตามทฤษฎีมีด้วยกัน 3 ระดับ คือ การป้องกันปฐมภูมิ(Primary Prevention) , การป้องกันทุติยภูมิ(Secondary Prevention) , การป้องกันตติยภูมิ(Tertiary Prevention) หรือบางตำราอาจเพิ่ม การป้องกันก่อนปฐมภูมิ(Primordial Prevention) อีกระดับก็เป็นไปได้

งาน Health Education หรือ งานสุขศึกษา เป็นงานป้องกันโรคที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการป้องกันในระดับปฐมภูมิ คือการป้องกันก่อนเกิดโรค ถ้าประชาชนมีความรู้ด้านสุขภาพดี ก็ย่อมลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ดี

ปัญหาคือ งานสุขศึกษา ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข มักไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้บริหาร และแม้กระทั่ง ผู้รับผิดชอบงานเอง ที่มักเกี่ยงกันว่าเป็นหน้าที่ใครในการให้สุขศึกษา ที่อาการหนักไปกว่านั้นคือ เข้าใจว่า งานประชาสัมพันธ์(Public Relation) คือ งานสุขศึกษา ก็เลยมุ่งเน้นไปที่การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ เพราะมันดังดี

ผู้เขียนจึงพยายามใช้คำว่า Health Education แทนคำว่า สุขศึกษา ที่เมื่อพูดถึงก็มักนึกถึง วิชาสุขศึกษา ที่เป็นยาขมสำหรับเด็กนักเรียนตั้งแต่รุ่นคุณปู่ยังเด็กมาจนสมัยปัจจุบัน ใช้ Health Education จะได้เข้าใจกันชัดๆไปเลยว่าเป็น กระบวนการเรียนรู้ทางสุขภาพ ไม่ใช่วิชาเรียนที่ต้อง ท่อง(แต่ไม่ต้องปฏิบัติ) เพื่อเอาคะแนน

งาน Health Education เป็นงานยาก เพราะเป็นงานที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ซึ่งแต่ละคน แต่ละชุมชน แต่ละสังคม แต่ละโรค แต่ละกิจกรรม ย่อมไม่สามารถใช้รูปแบบที่เหมือนๆกัน หรือ เหมือนเดิม ไปสอนไปแนะนำให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อนำไปสู่ การป้องกันโรค

ผู้ทำงานด้าน Health Education มักทำไปตาม Routine ที่เคยทำมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยประเมินว่า สิ่งที่ดำเนินการไปกับประชาชนนั้น มันสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนได้จริงหรือไม่ แค่ไหน

แล้วจะให้ทำอย่างไร

ผมเสนอว่า ให้ทำการ ประเมินหรือตรวจสอบ(Check) เสียก่อนว่า การที่เราจะทำ Health Education กับประชาชนกลุ่มหนึ่งๆที่เรารับผิดชอบ ควรจะใช้รูปแบบใดที่จะสามารถสื่อไปถึงผู้รับได้ Tune ให้ตรงกันก่อน แล้วจึง ทำ(Do)งาน Health Education จึงต้อง C&D (Check & Do) ครับท่าน

First Posted by นพ.บุญชัย ธีระกาญจน์ at Monday, March 24, 2008 at http://plkhealth.blogspot.com/




ไม่มีความคิดเห็น: