วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วิชาการ D D

ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับ คุณสังคม ศุภรัตนกุล นักวิชาการสาธารณสุข 7  สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู หลายครั้ง หลายท่านบอกผู้เขียนว่า คุยกับ สังคม (ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก)ไม่ค่อยรู้เรื่อง  แต่ผู้เขียนกลับเห็นแตกต่าง ที่ได้แนวคิดที่น่าสนใจหลายเรื่อง เมื่อได้แนวคิด ก็ย่อมเกิดแนวทาง 

แนวคิดหนึ่งคือ การรวบรวมผลงานทางวิชาการของข้าราชการในองค์กรไว้เป็นที่เป็นทาง เพื่อเป็นแหล่งสืบค้นทางวิชาการ

ผู้เขียนจึงเห็นแนวทางว่า  ในผลงานวิชาการของข้าราชการ ที่จะจัดทำเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ย่อมมีส่วนที่เป็นองค์ความรู้ (Knowledge) อยู่ไม่น้อย ทั้งความรู้ในเชิงกว้าง ลึก และ ยาว  หากเราลองค้น D D 

การค้น D D จึงประกอบด้วย

D   Dig คือ ต้องมีการพยายาม ขุด ค้นหา องค์ความรู้ จากผลงานทางวิชาการเหล่านั้น เหมือนการขุดหา สินแร่ ที่มีอยู่ในแผ่นดิน สินแร่เหล่านั้นอาจรวมกันอยู่เป็นสายแร่ที่ชัดเจน หรือ กระจัดกระจายทั่วๆไป ทีมขุดค้นต้องใช้ความพยายามที่จะ ขุด แล้ว ร่อน จึงจะได้มาซึ่งสินแร่อันมีค่า

D   Digest เมื่อได้ขุดเอาความรู้มาจากนั้นมาได้แล้ว ต้องทำการ ย่อย ให้ได้ องค์ความรู้ ที่สามารถนำไปใช้ เหมือนสินแร่ที่ได้มา ต้องนำไป ถลุง จนได้แร่ที่บริสุทธิ์ นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

หาจะมีทีมงานสักหนึ่งทีม นำผลงานทางวิชาการที่กองไว้อย่างไร้ค่า นำมา Dig & Digest ให้ได้เนื้อขององค์ความรู้สักหนึ่งบรรทัด เราอาจได้สิ่งที่เป็นประโยชน์อันไม่คาดแก่มวลมนุษย์ 

ทำ D D จะได้สิ่งที่ ดี ดี

5 ความคิดเห็น:

ศ.สังคม กล่าวว่า...

คนที่จะคุยรู้เรื่อง...คือผู้ที่เตรียมตัวที่จะรู้เรื่อง แต่หากไม่เตรียมที่จะไม่รู้เรื่อง ก็อคติที่จะไม่รู้เรื่องตลอดเวลา...ส่วนใหญ่มักจะใช้ประสบการณ์ตนเองเป็นเกณฑ์ตัดสินถูกผิด

เมืองฟ้าในป่าทึบ กล่าวว่า...

บางครั้ง...ทั้งที่รู้เรื่อง ก็ไม่อยากบอกว่ารู้เรื่อง เพราะในใจคิดว่ายังไงๆ ฉันก็ไม่รู้เรื่อง

Boonchai65 กล่าวว่า...

หากจะเพิ่มอีก D

เป็น วิชาการ D D D

หรือ วิชาการ 3D

D Distribution เมื่อ ขุด ย่อย แล้ว ควรกระจายให้องค์ความรู้นั้นแพร่หลายไปยังคนในองค์กร และ นอกองค์กร ประโยชน์จะยิ่งมากมหาศาล

ศ.สังคม กล่าวว่า...

เป็นแนวคิดที่สุดประเสริฐยิ่งของการเป็นผู้ให้ (ขอชื่นชมแนวคิดของผู้บริหารที่มีความสามารถบริหารทางวิชาการเข้าไปด้วย)พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "การให้ทานที่เป็นความรู้" เป็นการให้ทานที่สูงสุด...ขอสนับสนุนแนวคิด เมื่อบวก D ที่ 3 คือ Distribution เข้าไปอีกแล้วยิ่งมากมหาศาลแห่งการให้ทาน...เป็นแนวคิดที่สามารถจับต้องได้ (ไม่เป็นเพียงลมปาก)จะได้ลบคำว่า "วิชาการขึ้นหิ้ง" ออกจากสารระบบเสียที...

ศ.สังคม กล่าวว่า...

"ฝันที่เป็นจริง" ของนักคิด เมื่อมี 3 D จึงเกิดกรอบแนวคิดเชิงสาเหตุ (Causal Model) ดังนี้
Dig + Digest + Distribute = Develop น่าศึกษาวิจัยเพื่อสร้างสมการ (4D Equation) จะได้ทราบถึงสัมประสิทธิ์แต่ละ D ว่ามีอิทธิพลต่อการเกิด Develop มากน้อยขนาดไหน โดยใช้สถิติ LISREL เป็นตัว Prediction