วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

เก่าไป-ใหม่มา

เอ๋ยสักวา ๔๕


สักวา ถึงครา ปีงบใหม่
นายเก่าไป นายใหม่มา พาสยอง
เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนวิถี เปลี่ยนครรลอง
เป็นลูกน้อง ต้องคอยตาม ห้ามมากความ
ไม่ต้องคิด อะไรใหม่ ได้ไหมท่าน
เอาที่มัน ต่อเนื่องกัน หนึ่งสองสาม
สี่ห้าหก เจ็ดแปดเก้า สิบ..จบงดงาม
ก้าวให้ข้าม พ้นหนึ่ง-ถึง ไหนไหนเอย


หมายเหตุ

สักวาบทนี้ มีที่มาจาก เมื่อ 
21 สิงหาคม 2559 Facebook on this day เตือนความทรงจำที่ คุณ สายทอง (Saithong thongweang) post และ คำตอบของผู้เขียน เมื่อ 21 สิงหาคม 2555 หลังย้ายออกมาจากเพชรบูรณ์ได้ 6 เดือนเศษ คุณสายทอง post เป็น กลอนมาว่า 

เสียดายงานที่สานไว้ดูไร้ค่า
หาใครมาต่อเติมเพิ่มสีสัน
อุปสรรคยากนักจักฝ่าฟัน
(อุปสรรคอยากนักจักฝ่าฟัน)
ผู้น้อยพลันก็หลบจบครับงาน


ไม่รู้คุณสายทองจะหมายความว่าอย่างไร
แต่คิดเข้าข้างตัวเองเอาว่า

คงหมายถึงเสียดายที่ผู้เขียนไปเริ่มงานบางอย่างไว้
แล้วไม่ได้ดำเนินการต่อเนื่อง จึงตอบไปว่า

ธรรมดาคนเก่ามาแล้วก็ไป
คนมาใหม่ย่อมต้องคิดต้องฝันหวาน
คนคอยตามก็ตามไปตามชำนาญ
ใครคิดค้านหาญกล้าก็ลองดู
อยากให้งานสานถักเติมต่อติด
ต้องร่วมทำร่วมคิดหัวชนหู
จึงจะเป็นงานเราร่วมเชิดชู
ใครจะอยู่จะไปก็ช่างมัน


จึงสรุปทั้งหมดมาเป็นบทสักวาเตือนใจเมื่อใกล้วันสิ้นปีงบประมาณ



หลังจากนั้น คุณสายทองยัง Post แถมมาอีก 1 กลอน







วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

ทำไมต้องไปโรงพยาบาล...เมื่อมี คลินิกหมอครอบครัว


ทำไมต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ต...เมื่อมีมินิมาร์ทหน้าปากซอย

ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เมฆธน เปิดประเด็นน่าสนใจว่า เมื่อสมัยก่อนเรามีแต่ร้านค้าระดับซุปเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ครบถ้วน เวลาเราต้องการซื้อสินค้าจึงต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ต่อมาเริ่มมีความพยายามเอาใจลูกค้ามากขึ้น นัยว่าลูกค้าคือพระเจ้า ผู้ค้าจึงขยับผลักดันทำร้านค้าให้เล็กลง จับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น มีสินค้าสิ่งจำเป็นพื้นฐานครบถ้วน จัดหมวดหมู่ให้หาง่ายเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ เรียกว่า มินิมาร์ท เป็นคอนวีเนียนสโตร์ (Convenience Store) หรือร้านสะดวกซื้อ แล้วเข็นร้านสะดวกซื้อมาไว้ที่ปากซอยหน้าบ้าน ผู้คนก็ไม่ต้องเดินทางไปซุปเปอร์มาร์เก็ตบ่อยๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ไปมินิมาร์ท

หลายคนฝากชีวิตไว้กับมินิมาร์ทนี่แหละ เพราะบางร้านเขาบอกว่า หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา แต่มินิมาร์ทก็มีของไม่ครบนะ ของชิ้นใหญ่ๆ ของที่ไม่จำเป็นต้องใช้บ่อย ยังวางขายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ดังนั้นนานๆครั้งเราก็ต้องไปซุปเปอร์มาร์เก็ตสักครั้ง เพื่อซื้อของที่ร้านเล็กไม่มี

คลินิกหมอครอบครัว ก็เหมือนมินิมาร์ทนั่นแหละ ท่านปลัดโสภณว่า ป่วยเล็กป่วยน้อยทำไมต้องไปโรงพยาบาล แวะที่คลินิกหมอครอบครัว คอนวีเนียนคลินิก คลินิกสะดวกพบ ที่มีครบทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์ครอบครัว และทีม สหสาขาวิชาชีพ ที่ดูแลเราทั้งตัว(และหัวใจ)

ไม่ใช่หมอหูที่ดูแต่หู หมอตาที่ดูแต่ตา แต่เป็นทีมหมอครอบครัวที่ดูแลเราไม่ให้เจ็บป่วย ป่วยน้อยก็รักษาที่คลินิกนี้ ป่วยมากก็ส่งต่อไปโรงพยาบาลใหญ่ ดีกว่าอะไรๆก็ต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ ไปตั้งแต่เช้ามืด ต้องเอารองเท้าไปจองคิว กว่าจะได้ตรวจ เจอหมอแค่แว้บเดียว จะถามจะปรึกษาอะไรก็ไม่ได้ เพราะหมอยังมีคนไข้รออีกเยอะ แถมเมื่อหมอโรงพยาบาลใหญ่รักษาอย่างไร ทีมหมอครอบครัวก็รับกลับมาดูแลต่อเนื่องได้อีก 

หมอก็เป็นหมอคนเดิมที่คุ้นเคย ไม่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยเหมือนโรงพยาบาลใหญ่ เผลอๆก็ไม่ต้องเดินทาง เพราะชาวบ้านกับทีมหมอครอบครัวตกลงกันหาวิธีติดต่อสื่อสารกันได้ เช่น กลุ่มไลน์ เฟสบุ้ค ก็จะยิ่งสะดวกขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคราวนี้จะมี หมอเป็นญาติ ก็ได้กระมัง

หมายเหตุ ตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ปลัดไม่เกี่ยว เพราะปลัดไม่ได้พูด แต่ผู้เขียนพูดเอง

แล้ว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.เป็นอะไร รพ.สต.ก็กำลังปรับโฉมให้เป็นคลินิกหมอครอบครัวเหมือน ร้านโชห่วย ที่เอาใจลูกค้า ปรับโฉมเป็นมินิมาร์ทไง (อุ้ย...หมออนามัยจะโกรธมั้ยนี่ ไปหาว่าเขาเป็นโชห่วย) 

เดิมร้านโชห่วยก็เป็นขวัญใจลูกค้าในชุมชนอยู่แล้ว กะปิปลาร้าเขาก็ไม่เอาไปขายในมินิมาร์ท กะปิปลาร้าก็ยังต้องพึ่งโชห่วยอยู่ เหมือนพื้นฐานการดูแลสุขภาพก็ยังต้องพึ่งรพ.สต. เพียงแต่คลินิกหมอครอบครัวที่ว่านี้จะจัดระบบให้ชัดเจนขึ้น เป็นการยกระดับการบริการปฐมภูมิให้กับประชาชน คงส่วนเดิมเติมส่วนขาด ให้รพ.สต.มีความครบถ้วนมากขึ้น ขาดอะไรก็เติม ที่ดีอยู่แล้วก็คงไว้ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน

เรียกว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพของรพ.สต.  ทำทั้งงานที่ถนัดอยู่เดิม งานใหม่ที่เพิ่มก็หาคนที่ถนัดมาทำ ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพิ่มงานอะไรก็หมอคนเดิม เดิมรักษาเล็กๆน้อยๆ ต่อมาเห็นว่ารักษาฟันจำเป็น เขาก็จะเข็นให้หมออนามัยขูดหินปูน(ยังจำได้มั้ย) เมื่อเห็นว่าภาวะทางจิตสำคัญ เขาก็ส่งหมออนามัยไปอบรมจิตเวช ตอนนี้เขาก็ให้หมออนามัยรักษาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ถึงเกิดคำฮิตที่ว่า อะไรก็กู  ถ้าครั้งนี้ไม่เอาแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวลงมา ต่อไปคงต้องให้หมออนามัยฉีด SK ละลายลิ่มเลือด

แล้วโชห่วยต่างจากคอนวีเนียนสโตร์อย่างไร โชห่วยมีของที่คนขายอยากขาย ลูกค้ามาซื้อต้องบอกว่าจะซื้ออะไร เจ้าของร้านจะไปหยิบมาให้ คอนวีเนียนสโตร์มีของที่ลูกค้าอยากซื้อ เลือกหยิบเอาเองตามความพอใจ 
คลินิกหมอครอบครัวก็เช่นกัน ลูกค้าคือประชาชนในพื้นที่ สามารถเข้าถึงทีมหมอครอบครัว ปรึกษาหารือได้ถึงสุขภาพของตน โดยทีมหมอที่พร้อมจะให้คำปรึกษา ไม่เหมือนโรงพยาบาลใหญ่ที่ สินค้าเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ระบบบริการเหมือนโชห่วย คือแล้วแต่หมอจะตัดสินใจ คนไข้ได้แต่ทำตามที่หมอสั่ง 

มินิมาร์ท ให้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความสะดวกของลูกค้า จ่ายค่าน้ำค่าไฟ จ่ายค่าโทรศัพท์ ก็ไปที่มินิมาร์ท ซื้อตั๋วเครื่องบิน ซื้อตั๋วรถทัวร์ ก็ไปจ่ายเงิน รับตั๋วที่มินิมาร์ท คลินิกหมอครอบครัวก็เช่นกัน จะเป็นตัวกลางในการติดต่อกับโรงพยาบาลใหญ่ คือจะเป็น หมอคนแรกของครอบครัว นั่นเอง

แต่คลินิกหมอครอบครัว ก็ทำไม่ได้ทุกอย่างนะ หากเจ็บป่วยมากๆคนไข้ก็ยังต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ โดยทีมหมอครอบครัวนั่นแหละที่จะเป็นผู้ประสานการส่งต่อให้ 
เพราะทีมหมอครอบครัว ที่อยู่ปากซอย ก็คือทีมเดียวกับหมอโรงพยาบาลใหญ่ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็ได้รับการดูแลต่อเนื่องได้เลย ไม่ต้องไปเริ่มเข้าคิวใหม่ คนไข้ก็ไม่แออัดเหมือนเก่า เพราะดูแลแต่ผู้ป่วยที่จำเป็นเท่านั้น

นั่นสิ....
ทำไมต้องไปโรงพยาบาล...เมื่อมี คลินิกหมอครอบครัว


วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

วู้...โขน

เอ๋ยสักวา ๔๔




สักวา เขาว่าโขน นั้นสูงศักดิ์
อย่าเอายักษ์ ทศพักตร์ มาเที่ยวท่อง
ขับโกคาร์ท แคะหนมครก ทัวร์ลำคลอง
ทำให้หมอง ถึงพงศา ประชาไทย
โน่นก็ห้าม นี่ไม่ได้ นั่นอย่ายุ่ง
ชาติเรามุ่ง สู่มหา อำนาจใหญ่
เป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟัง อย่าเถียงใคร
วู้...ชวนกันไป ถ่ายคลิปแก้ผ้า ดีกว่าเอย

หมายเหตุ

เมื่อมีข่าวว่า อดีตศิลปินท่านหนึ่งแห่ง กองการสังคีต กรมศิลปากร ได้เข้าร้องเรียน สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์) ถึงความเหมาะสมในการเผยแพร่มิวสิควิดีโอเพลง เที่ยวไทยมีเฮ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ อ๊อด บัณฑิต ทองดี นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ร่วมผลิตเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ด้วยการใส่ชุดโขน นำตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ คือทศกัณฐ์ และเหล่าเสนายักษ์ ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่างๆในเมืองไทย ไม่เหมาะสม ขู่ฟ้องทีมงาน โทษฐานทำลายวัฒนธรรม

ก็เกิด ข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ต่อมาที่ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้ให้เหตุผลว่า ไม่ได้ติดใจในการให้ทศกัณฐ์ท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ

แต่รู้สึกติดใจที่ ทศกัณฐ์ ราชาแห่งยักษ์ทั้งปวง และเป็นตัวละครในวรรณคดีที่สง่างาม น่าเกรงขาม มาทำกิจกรรมที่ดูไม่เหมาะสม อาทิ การหยอดขนมครก, ขับโกคาร์ท, ถ่ายเซลฟี่ เป็นต้น ที่ประชุมสรุปว่าให้ทางผู้ผลิตนำไปแก้ไขปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อวัฒนธรรมของชาติ มิเช่นนั้นจะต้องถูกแบน รู้สึก อนาถ

ต่อมา นายบัณฑิต ทองดี ผู้กำกับมิวสิควิดีโอเพลง เที่ยวไทยมีเฮ กล่าวว่า ตนยินยอมจะดำเนินการแก้ไขมิวสิควิดีโอใหม่ โดยจะตัดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกราว 40% รู้สึก อนาถยิ่งขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

เท็จ-จริง

๑๔๒


มักล่อลวงเท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ 

สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 54

โจโฉยกทัพไปตีเมืองฮันต๋ง ต้นทางเมืองเสฉวน เตียวฬ่อให้
เตียวโอยกับเอียวเหียม เอียวหงง คุมทหารอันมากไปตั้งค่าย
รักษาด่านเองเปงก๋วน โจโฉยกทัพมาตั้งค่ายรออยู่ห้าสิบวัน
ยังไม่สามารถนำทัพเข้าตีเมืองฮันต๋งได้ จึงวางแผนว่าจะยก
กองทัพกลับ หวังให้กิตติศัพท์รู้ไปถึงศัตรูจะได้คิดประมาทลง
แล้วจะแต่งทหารให้ยกอ้อมไปตีด่านเองเปงก๋วน ฝ่ายเอียวหงง
จึงปรึกษาเอียวเหียมว่า ทราบว่าโจโฉจะยกทัพกลับ ตนจะคุม
ทหารไปตามโจมตี เห็นทีโจโฉจะแตกระส่ำระสาย เอียวเหียม
จึงตอบว่า จะคิดกำเริบดังนี้ไม่ได้ ด้วยโจโฉชำนาญในกลศึกนัก
มักล่อลวงเท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ

ในทุกเรื่องราว มีข้อเท็จ
ในทุกเรื่องราว มีข้อจริง
ในทุกเรื่องราวมี ทั้งข้อเท็จและข้อจริง
ทุกเรื่องราวจึงเรียก ข้อเท็จจริง

บางเรื่องราวมีข้อเท็จมากกว่าข้อจริง
เท็จมากกว่าจริง ยังคงเรียก ข้อเท็จจริง
บางเรื่องราวมีข้อจริงมากกว่าข้อเท็จ
จริงมากกว่าเท็จ ยังคงเรียก ข้อเท็จจริง

บางคนเลือกพูดข้อเท็จ ที่มีอยู่มาก
บางคนเลือกพูดข้อจริง ที่มีอยู่มาก
เรียกว่าพูดตาม ข้อเท็จจริง

บางคนเลือกพูดข้อเท็จ ที่มีอยู่น้อย
บางคนเลือกพูดข้อจริง ที่มีอยู่น้อย
เรียกว่าพูดตาม ข้อเท็จจริง

พึงระลึกเสมอว่า
ทุกเรื่องราวมีทั้งข้อเท็จและข้อจริง
ทุกเรื่องราวยังคงเป็น ข้อเท็จจริง

เท็จจึงอาจเป็นจริง จริงจึงอาจเป็นเท็จ

หมายเหตุ
ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔
เท็จจริง แปลว่า จริงเท่าที่ปรากฎหรือเท่าที่ทราบ


วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

คบคน ดูที่ไหน

เอ๋ยสักวา ๔๓



สักวา คบคน ดูที่ไหน
คบเพื่อได้ ผลประโยชน์ หมดก็หนี
คบเพื่อเงิน จนเงิน จนไมตรี
คบศักดิ์ศรี ไร้ศรีศักดิ์ มักเคลื่อนคลา
คบเพื่อกาม สิ้นงาม ตัณหาสิ้น
คบเพื่อกิน แสนง่าย ใคร่ตามหา
คบด้วยใ จึงยั่งยืน อนันตา
มิโรยรา ชั่วดินฟ้า นิรันดร์เอย

หมายเหตุ
ที่มาของสักวาบทนี้ จากหนังสือ ราชสำนักจีนหันซ้าย โลกหันขวา หน้า ๒๓๒ ความว่า

คบด้วยผลประโยชน์ หมดประโยชน์ก็หนีหาย
คบด้วยกามารมณ์ ความงามร่วงโรยก็ห่างเหิน
คบกันด้วยใจ ยั่งยืนได้ชั่วนิรันดร์ 


ชื่อผู้แต่ง : หวังหลง
ชื่อผู้แปล : เขมณัฐฐ์ ทรัพย์เกษมชัย และ สุดารัตน์ วงศ์กระจ่าง
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์มติชน

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

กำลัง

๑๔๑


บำรุงทหารให้มีกำลังก่อน

แล้วจึงค่อยยกไป ก็จะมีชัยชนะโดยง่าย
สามก๊ก เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 54

โจโฉเกณฑ์ทหารได้สามสิบหมื่น จะยกลงมาตีเอาเมืองกันตั๋ง
โปหั้นทำหนังสือเตือนโจโฉด้วยคำโบราณว่า ฝ่ายทหารผู้จะ
เป็นแม่ทัพแม่กอง แม้จะยกไปทำการสงครามแห่งใดตำบลใด
ให้บำรุงทแกล้วทหารแลเครื่องศัสตราวุธให้พร้อมเป็นสง่าแล้ว
จึงจะยกไปเป็นธรรมดา ฝ่ายพลเรือนเล่าก็ให้มีน้ำใจโอบอ้อม
อารีแก่อาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุข แล้วทำนุบำรุง
บ้านเมืองไว้ให้เป็นสง่า แลเนื้อความสองประการนี้ผู้ใดทำได้
จึงจะคิดอ่านตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ บัดนี้โจโฉก็ปราบหัวเมืองต่างๆ
มาได้เก้าส่วน เหลือเพียงกันตั๋งกับเสฉวน การจะยกทัพไปตี
กันตั๋งนั้นเห็นทีทหารจะได้รับความลำบากนัก ขอให้งดอยู่
บำรุงทหารให้มีกำลังก่อนแล้วจึงค่อยยกไป ก็จะมีชัยชนะโดยง่าย


ทหาร เมื่อจะออกรบ ย่อมคาดหวังชัยชนะ

ทหาร จะชนะได้ ต้องบำรุงให้มีกำลัง
มีกำลัง ต้องมีทั้ง กำลังกาย และ กำลังใจ
กำลังกายคือ ความแข็งแรง เข้มแข็ง อดทน
กำลังใจคือ ความมั่นใจ
มั่นใจว่า จะชนะ
มั่นใจว่า เมื่อชนะ จะได้รับชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง
มั่นใจว่า แม้ตาย ลูกเมียจะได้รับชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง

สำหรับคนทำงานในองค์กร
อาจมิได้หวังผลลัพธ์ในการทำงาน
แต่ก็ต้องการ การบำรุงให้มีกำลัง
กำลังที่ต้องการ คือ กำลังใจ
กำลังใจที่เรียกว่า แรงจูงใจ
แรงจูงใจ ต้องได้ก่อนทำงาน