วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

คนกลาง


มีเรื่องเล่ามาว่า ที่สำนักงานแห่งหนึ่ง มีผู้ช่วยหัวหน้า 2 คน เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่กลมเกลียวกันดี ทั้งสองหนุ่มขยันขันแข็ง ช่วยกันทำงานเพื่อองค์กร

หัวหน้าเห็นความอุตสาหะ จึงจัดหาเจ้าหน้าที่เพิ่มให้เป็นเจ้าหน้าที่สาวสวย หน้าตาจิ้มลิ้ม

ด้วยเป็นองค์กรขนาดเล็ก สถานที่ทำงานไม่กว้างขวาง(แปลว่าคับแคบ แต่หัวหน้าบอกว่า คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก) หัวหน้าจึงจัดให้เจ้าหน้าที่ใหม่ทำงานอยู่ในห้องทำงานรวม

ตั้งแต่นั้นมา องค์กรเริ่มมีปัญหาจากผู้ช่วยหนุ่มทั้งสอง ที่เริ่มเกิดการเขม่นกันไปกันมา องค์กรไม่เป็นปกติสุข

หัวหน้าจึงจำเป็นต้องหาทางแก้ไขปัญหา หลังจากวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาเรียบร้อยแล้ว จึงทำการย้ายโต้ะทำงานเจ้าหน้าที่สาว ไปไว้ในห้องทำงานหัวหน้า

หลังจากนั้น ผู้ช่วยทั้งสองหันกลับไปสามัคคีกันเหมือนเดิม รวมหัวกันมาทะเลาะกับหัวหน้าแทน

ให้มันรู้ซะบ้างว่า ไผเป็นไผ

ตำแหน่งหัวหน้า ไม่ใช่ได้มาง่ายๆนะคร้าบ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจ คนกลาง

คนกลางจริงย่อมไม่มี มีแต่คนบอกว่าตัวเองเป็นกลาง

(มีคนบอกมาว่าเป็นเรื่องจริง คนชอบละเมอเพียงแค่คนถ่ายทอด ท่านสาธารณสุขอำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู คุณรัฐธีร์ หนองหาญพิทักษ์ เป็นผู้รับผิดชอบข้อมูล)

[โพสต์ครั้งแรกที่ Lanhinlad Lanpanya 14 May 2009]

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หลงทาง


ตั้งใจมาตั้งแต่ต้น ว่าอยู่หนองบัวลำภู จะต้องไปเที่ยวชม ภูหินลาดช่อฟ้า 

เมื่อมาใหม่ๆ มีแต่คนเสนอจะนำเที่ยว มีแหล่งสถานที่น่ากินน่านอน 
หลังจากเวลาผ่านไป ๘ เดือน คนอยากเที่ยวก็ยังรออยู่ คนชวนก็ลืมเลือนไป คงนึกว่าพาไปมาหมดแล้ว ไม่มีใครพูดถึงอีก


เมื่อมีภารกิจต้องอยู่เสาร์อาทิตย์ จึงได้โอกาส และเป็นโอกาสของเราคนเดียว วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๒ จึงขับรถไปดูบรรยากาศของ ภูหินลาดช่อฟ้า แบบไม่ต้องมีใครนำทาง แหล่งท่องเที่ยววันอาทิตย์ น่าจะคึกคัก เดินๆตามเขาไป แอบฟังคนนั้นพูดแอบฟังคนนี้บรรยาย คงพอหายเงียบเหงาได้

เลี้ยวซ้ายตรง ตลาดบ้านห้วยเดื่อ ขับไปเรื่อยๆ เริ่มเกิดความรู้สึกว่า เหมือนมีรถเราอยู่คันเดียว ไม่มีรถตาม แล้วก็ไม่มีรถสวน แต่ยังคงเป็น แหล่งท่องเที่ยววันอาทิตย์ น่าจะคึกคักอยู่นะ

ระยะทางเพียง ๑๓ กิโลเมตรจากทางแยก ถึงสุดถนนลาดยางที่มีเสาคอนกรีตขวางอยู่แปลว่าห้ามขับรถเข้าไป คงถึงจุดต้องเดิน ตามข้อมูล lumphu.com ที่เคยให้ไว้


บรรยากาศแบบ 4 ด. (โดดเดี่ยวเดียวดาย) ชัดเจนแน่นอน หมดหวังกับความเป็น แหล่งท่องเที่ยววันอาทิตย์ 

แต่ก็ยังมีกำลังใจที่อยากจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อุ่นใจที่เปิดโทรศัพท์ยังมีสัญญาน(ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโทรไปหาใครหากคับขันในยามนั้น)
เริ่มมองหาป้ายบอกทาง เป้าหมายแรก ลานตาหมากฮอต ไม่น่าเชื่อที่ หาไม่เจอ

ไปเป้าหมายถัดไป ทับสูง เดินตรงไป ป้ายบอกทางชัดเจนเมื่อมีทางแยก เดินตรงไปตามลูกศร ยิ่งเดินไปทางยิ่งเล็กแคบลง บางจุดเหมือนไม่มีคนผ่านทางมานาน สมัยนั้นคงยากกว่านี้หลายเท่า เดินไปยิ่งดูเปลี่ยว คงต้องตัดสินใจใหม่ กลับหลังหัน ทั้งที่ยังไ ม่เห็น ช่อฟ้า สักก้อน


ได้ยินเสียงรถยนต์ เริ่มใจชื้นขึ้น เมื่อย้อนกลับมาถึงทางแยก พบว่ารถปิ๊กอัพเข้ามาได้นะ ตัดสินใจเดินสวนไปในทางที่รถแล่นออกมา ฝนเริ่มลงเม็ดเล็กๆ มาแล้ว แต่ตัดสินใจไปต่อ เพราะยังไม่เจออะไรเลย
คราวนี้ไม่ หลงทาง พบป้ายบอกทางไปตลอดจนถึง ทับสูง ได้เห็น ก้อนหินช่อฟ้า สมใจ แต่ไม่กล้าเดินต่อไป ด้วยฝนที่ตกๆหยุดๆ และที่สำคัญรู้สึกถึงความเป็น ทางสายเปลี่ยว เดินคนเดียวก็เสียวเหมือนกัน

เหตุผลสำคัญที่กล้าเดินเพียงคิดเพียงอย่างเดียวว่า นี่เป็น เมืองไทยของเราเอง และเป็น แหล่งท่องเที่ยว(วันอาทิตย์)

เสียดายที่มีเพียงกล้องจากโทรศัพท์ รูปจึงไม่ชัดเจนนัก เพียงแค่เป็นหลักฐานการเดินทางเท่านั้นเอง



จึงเป็นเรื่องยืนยันความคิดเดิมๆที่เคยบันทึกไว้ว่า สาเหตุของการหลงทาง แล้วไม่สามารถหาทางกลับมาจุดเดิมได้ อยู่ที่ การตัดสินใจ ณ จุดเริ่มต้น 

เมื่อเริ่มต้นผิดพลาด หลังจากนั้นย่อมผิดหมด แม้ว่าจะเลี้ยวซ้ายหันขวาถูกต้องอย่างไรก็ตาม เพราะได้เริ่มต้นผิดเสียแล้ว 

มีทางเดียว คือ ต้องหันหลังกลับไปเริ่ม ณ จุดเริ่มต้นใหม่

หมายเหตุ 

เมื่อกลับมาจาก ภูหินลาดช่อฟ้า ได้รับทราบจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่า กำลังจะไปสำรวจตรวจสอบพื้นที่ภูหินลาดช่อฟ้า เนื่องจากได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจาก พื้นที่ภูหินลาดช่อฟ้า เป็นเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานี (แถมเป็นพื้นที่ เขตทหาร )

อ๊ะ อ๊ะ มีคน หลงทาง หนักกว่าคนชอบละเมออีกนะเนี่ย



[โพสต์ครั้งแรกที่ Lanhinlad Lanpanya 7 May 2009]