วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ปีใหม่ เหลียวหลังแลหน้า กับ เทพเจนัส



เมื่อหลายปีก่อน ผู้เขียนได้มีโอกาสไปสวัสดีปีใหม่กับ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายพินัย อนันตพงษ์ (ตำแหน่งในขณะนั้น ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และ รองอธิบดีกรมการปกครอง ตามลำดับ)

ท่านพินัย อนันตพงษ์ ได้รับการยอมรับว่าเป็น พหูสูต (ผู้มีความรู้เพราะได้สดับตรับฟังหรือศึกษาเล่าเรียนมามาก) คนหนึ่ง หากได้มีโอกาสนั่งฟังท่านพูดคุย คงมีหลายท่านที่เคยได้รับฟังมา ช่วยยืนยันได้ว่าไม่ผิดหวัง

ในครั้งที่เข้าไปสวัสดีปีใหม่ปีนั้น ท่านปรารภให้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง เทพเจ้าเจนัส (Janus) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเดือนมกราคม (January) ว่า เทพเจ้าเจนัส เป็นเทพเจ้าที่มี 2 หน้า หันไปในทิศตรงข้าม ถือเป็นคติของการเริ่มต้น วันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่

[ เจนัส(Janus)เทพแห่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เทพแห่งทวารทางเข้าออก สงคราม และสันติภาพ เป็นผู้อุปถัมภ์การกำเนิดของสิ่งต่างๆ ถึงแม้จะเป็นเทพที่สำคัญที่สุดองค์หนึ่งในบรรดาเทพทั้งปวงของโรมัน แต่ไม่เป็นที่รู้จักของกรีกเลย

นักเทวดาตำนานเห็นว่า เจนัส(Janus)เป็นโอรสของอพอลโล(Apollo) ถึงแม้จะถือกำเนิดในเทสซารี แต่ช่วงแรกๆ ของชีวิตทรงมาอยู่ในอิตาลี และทรงก่อตั้งเมืองในแม่น้ำไทเบอร์ขึ้น ซึ่งพระองค์ทรงตั้งนามเมืองว่า เจนิคิวลัม(Janiculum) ที่เมืองนี้ พระองค์ได้ร่วมกับเทพแซเทิร์น(Saturn)ผู้ถูกเนรเทศโดยร่วมบัลลังก์กัน ทั้งสองนี้ได้ร่วมกันทำให้ผูคนในอิตาลีที่ป่าเถื่อนนั้นมีอารยรธรรมขึ้น แล้วทรงอวยพรให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง จนกระทั่งยุคสมัยที่ท่านครองอยู่มีกเรียกว่า"ยุคทอง"

เจนัส(Janus)โดยทั่วไปแล้วจะปรากฏพระองค์มีสองพักตร์ หันไปในทิศทางตรงข้ามกัน เหตุด้วยพระองค์ทรงคุ้นเคยกับอดีตและอนาคตพอๆกับปัจจุบัน และเพราะถือว่าพระองค์เป็นเครื่องหมายแห่งตะวัน ที่เกิดทิวาวารเมื่อเริ่มรุ่งราง และปิดวันวารเมื่อยามโรยร่วง

บางรูปปั้นปรากฏพระองค์ด้วยพรพักตร์ที่มีเกศสและมัสสุขาว บางรูปปั้นก็ปรากฏในรูปที่เป็นชายหนุ่ม ขณะที่บางรูปปั้นสร้างให้ทรงมีสามเศียรหรือสี่เศียร
 ]
ปีใหม่ปีนี้ ผู้เขียนอยากเชิญชวนท่านที่บังเอิญมาพบเจอ NOW ให้ทบทวนตามคติความเชื่อดังกล่าว มองไปทางหลังที่ผ่านมา มีสิ่งใดที่ทำดี ควรนำมาพัฒนาต่อไป มีสิ่งใดที่ทำไม่ดี ควรนำมาแก้ไข มองไปข้างหน้า เพื่อวางแผนชีวิตให้ทำแต่สิ่งดีๆ รู้จัก เหลียวหลัง แลหน้า แล้วท่านจะมีแต่ความสำเร็จในชีวิต
สวัสดีปีใหม่ 2551 ครับ


[โพสต์ครั้งแรก ที่ Notes on Weblog Gotoknow 31 Dec 2550 21:34]

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

นี่ก็ สุดโต่ง


เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ผู้เขียนได้มีโอกาสติดตาม นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์สถาพร วงษ์เจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต ๒ ไปเฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ บ้านน้ำต๊ะ บ้านน้ำลี อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

ระหว่างเดินทาง ท่านปลัดกระทรวงได้แนะนำแนวคิดหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการปิดไฟเพื่อประหยัดพลังงานว่า อาชญากรรม และ คดีหลายๆคดีที่เกิดขึ้น(ทั้งการโจรกรรม และ คดีทางเพศ / ผู้เขียนตีความตามความเข้าใจของตนเอง) เกิดขึ้นเพราะ ความมืด มืดจากการไม่ยอมเปิดไฟ หรือปิดไฟ เพื่อการประหยัดพลังงาน (อุบัติเหตุทางการจราจร ก็เช่นกัน / ผู้เขียนนึกต่อในใจ) ท่านปลัดแนะนำว่า โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุข ควรติดแสงสว่างให้เพียงพอเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน

ผู้เขียน เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะรู้สึกหงุดหงิดมานานกับการประหยัดของหลายหน่วยงาน

เห็นว่า นอกจากความ สุดโต่ง ที่ท่านผู้ตรวจฯ พูดถึงเมื่อตอนเช้าแล้ว นี่ก็ สุดโต่งเหมือนกัน 


[โพสต์ครั้งแรก ที่ Notes on Weblog Gotoknow 3 Dec 2550 17:36]